วอนกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 บอกความจริง อย่าปิดข้อมูล

พยาบาลวอน กลุ่มเสี่ยงโควิด-19 บอกความจริง อย่าปิดบังข้อมูล อีกหลายชีวิตที่ต้องเสี่ยง แนะ เซฟตัวเองเซฟคนอื่นด้วย

โควิด-19 ยังคงวิกฤติอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสะสม อยู่ที่ 40 รายแล้ว ซึ่งยังไม่รวมจำนวนกลุ่มเสี่ยงที่มีประวัติการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่งทางคุณหมอและทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงประชาชนว่า ป่วยและมีประวัติการเดินทาง อย่าปกปิดข้อมูล เพราะจะทำให้หลายคนที่ไม่รู้เสี่ยงไปด้วย
ล่าสุดวันนี้ 27 ก.พ. 2563 ผู้เฟซบุ๊กชื่อ Muwan Noofon โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับการทำงานของคุณหมอและพยาบาล ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายนี้ ซึ่งขอให้ทุกคนที่รู้ตัวเองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบอย่าปกปิดข้อมูลเพราะมีหมอ-พยาบาล เจ้าหน้าที่อีกหลายชีวิตที่ต้องเสี่ยงรับเชื้อโรค

ภาพจากอีจัน
โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า มันเป็นหน้าที่ที่พวกเราต้องทำเพื่อดูแลพวกท่าน ให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อ..แต่อยากให้ท่านช่วย บอกความจริง.อย่าอาย.อย่าปิดบังข้อมูลกับเรา และขอความเห็นใจให้พวกเราบ้าง หากท่านมาคัดกรองโรค ขอความกรุณาใส่แมส นั่งรอในโซน ที่เราจัดให้ และกรุณารอทีมเจ้าหน้าที่ที่จะมาดูแลท่าน เนื่องจากการจะเข้าคัดกรองท่านนั้น เราต้องป้องกันตนเองเปรียบเสมือนท่านมีเชื้อไว้ก่อน ขอเวลาเราเตรียมชุดเตรียมคน เพื่อจะได้ดูแลท่านได้อย่างใกล้ชิด อย่าคิดว่าเรารังเกียจท่านแต่เราต้องเซฟตัวเองเพราะเราก็ต้องมีลูกมีพ่อ มีแม่ ที่อาจติดเชื้อ ต่อจากเราหากเราป้องกันตัวเองได้ไม่ดี อย่าคิดว่าเราไม่กลัวโรค ถึงจะมีการป้องกันที่ดีขนาดไหน เราก็กลัวไม่ต่างจากท่าน มาดูว่าเวลาท่านเดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง มีอาการไข้ 37.5 องศา + อาการทางเดินหายใจอักเสบเช่นไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หรือเหนื่อยจะใช้บุคลากรทางการแพทย์กี่คน ที่ต้องเสี่ยงรับเชื้อจากคุณ นี่ไม่รวมเพื่อนร่วมงานคนในครอบครัวคนที่คุณเดินผ่านคนที่จับสถานที่หรือสิ่งของที่คุณพึ่งจับและคนที่อาจติดเชื้อจากคุณแล้วไปแพร่เชื้อต่อ
ภาพจากอีจัน
ก่อนที่เจ้าของโพสต์ บอกว่าหากคนที่ปกปิดข้อมูลแล้วใครบ้างที่ต้องเสี่ยง คนที่ 1 คัดกรอง เจ้าหน้าที่ต้อนรับ (กรณี รพ.เอกชน) คนที่ 2 ห้องบัตร ทำบัตร รพ. คนที่ 3 ช่วยพยาบาลคัดกรอง วัดสัญญาณชีพ ประกอบด้วย ไข้ ชีพจร หายใจ ความดันโลหิต คนที่ 4 พยาบาลหน้าห้องซักประวัติ ก่อนเข้าห้องหมอ คนที่ 5 แพทย์ที่ตรวจ คนที่ 6 ผู้ช่วยพยาบาลที่อยู่กับแพทย์ ถ้าพบว่าเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค แพทย์คนที่ 5 โทรปรึกษา คนที่6 แพทย์เวรผู้เชี่ยวชาญ พิจารณาเข้าเกณฑ์ไหม ถ้าเข้าเกณฑ์ สอบสวน ให้นอน รพ. On Call 24 ชม. คนที่ 7 เวชกรรมสอบสวนโรค หน่วยระบาด SRRT สอบสวนโรค ส่งสิ่งส่งตรวจ รายงานส่วนกลาง กรมควบคุมโรค คนที่ 8 แผนกนอน รพ. พยาบาลทำเรื่องแอดมิด หรือ เจ้าหน้าที่แอดมิด เจ้าหน้าที่ ศูนย์ประกัน คนที่ 9 พยาบาล ic หน่วยควบคุมโรคติดเชื้อ สอบสวน ดูแลตามแนวทาง เตรียมห้องแยก ชุดหมี หน้ากากอนามัย คนที่ 10 เวรเปล พนักงานส่งตนไข้ ส่งคนไข้ขึ้นหอผู้ป่วย คนที่ 11-12 พยาบาลประจำวอร์ด คิดน้อยสุด 2 คน/เวร คนที่ 13 ผู้ช่วยพยาบาลประจำวอร์ด คอยส่งเลือด ตามผลแล็บ วัดสัญญาณชีพบนหอผู้ป่วย คนที่ 14-15 แพทย์เวร แพทย์ใช้ทุนหรืออาจารย์คิดน้อยสุด 2 คน คนที่ 16-17 เภสัชและผู้ช่วยเภสัช จ่ายยา คนที่ 18 แม่บ้านประจำวอร์ด ทำความสะอาด เก็บของเสีย ถูพื้น สิ่งสกปรก ทำความสะอาดเตียง พื้น ห้องน้ำ ตลอด 24 ชม. คนที่ 19 นักเทคนิคการแพทย์ ตรวจวินิจฉัยแล็บ ของ รพ. On call 24 ชม. คนที่ 20-21 เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมโรคตรวจแล็บ และออกผลต้องมีคนรับส่งแล็บ คนที่ 22 ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคแจ้งผล สสจ. ส่วนกลาง เก็บข้อมูล คนที่ 23 ผู้อำนวยการ รพ.รับแจ้งผล และแจ้งต่อทีม ควบคุมโรคแพทย์คนที่ 6 คนที่ 24 ผู้ขนส่งขยะ เสื้อผ้าใช้แล้วคนไข้ จากวอร์ดไปโรงซัก คนที่ 25 โรงซักผ้า คนซักผ้า พับผ้า ส่งผ้า ถ้าลงเครื่องบินแล้วมีไข้ เข้าเกณฑ์ คนที่ 26-28 3 คน ที่หน้าด่าน แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ หน้าด่าน คนที่ 29 เกิดมีอาการปอดอักเสบ เจ้าหน้าที่เอกซเรย์อีก คนที่ 30 หน่วยระบาด เวชกรรม SRRT คนที่ติดตามโทรศัพท์หาผู้ป่วย ผู้สัมผัสที่กลับบ้าน สังเกตอาการที่บ้าน นี่คือคิดกำลังน้อยสุด ถ้ามีสัก 1,300 รายที่เข้าเกณฑ์และนอน รพ. ลองคูณดูครับแบบน้อยสุด 25 คน คูณ 1300 คนที่เข้าเกณฑ์ที่ผ่านมา 25×1,300=32,500 ที่เกี่ยวข้องนี่ถ้านอนในโรงพยาบาล อีกหลายวัน ก็คูณคนขึ้นเวร วนไปยังไม่ได้คำนวณหน้ากากอนามัย ชุดหมี น้ำยาล้างมือคูณจำนวนคนดู
ภาพจากอีจัน
ก่อนที่ผู้โพสต์จะทิ้งท้ายว่า ขอความร่วมมือ งดเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงเถอะครับ ถ้ามีไข้ อาการทางเดินหายใจกลับมา เราไม่อยากเข้าเฟส 3 เราต้องช่วยกัน คุณจะเป็นภาระประเทศชาติ ซึ่งตอนนี้ตนซึ่งเป็นพยาบาลคัดกรองด่านหน้าหลังจากได้คัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่กลับมาจากต่างประเทศมา 2 เดือน ขนาดเป็นมดงานเล็กๆๆ แค่คนหนึ่ง ยังไม่ไหวช่วงนี้พี่มีอาการเจ็บคอเสียงแหบ.แม้แต่กลืนน้ำลายยังลำบากมาก..ถึงขั้นไอปนเลือดแล้ว แต่โชคดีที่ 1 เดือนที่ผ่านมาจังหวัดเรายังไม่เจอเคสโควิค- 19 จันอยากฝากคนที่มีอาการหลังจากกลับจากพื้นที่ประเทศเสี่ยง บอกข้อมูลหมอพยาบาลให้หมด อย่าอายเซฟตัวเองและคนอื่นที่ไม่รู้อีกหลายชีวิต