อิตาลีรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่ง 323 ราย ดับแล้ว 11 ราย

โควิด-19 ในอิตาลี ยอดผู้ติดเชื้อพุ่ง 323 ราย เสียชีวิตแล้ว 11 ราย ด้าน สธ. ยันไม่ปิดชายแดน

สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอิตาลี ล่าสุดมีรายงานว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นวันเดียวถึงร้อยละ 45 โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 94 คน รวมเป็นจำนวน 323 คน รัฐบาลอิตาลีสั่งปิดเมืองในแคว้นลอมบาร์ดีแล้ว 10 แห่ง และในแคว้นเวเนโต 1 แห่ง เพื่อป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค

ภาพจากอีจัน
วันนี้ (27 ก.พ.63) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตใหม่จากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 4 ราย รวมผู้เสียชีวิตในอิตาลีแล้ว 11 คน และล่าสุดอิตาลีเป็นประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดในภูมิภาคยุโรป มีรายงานว่าผู้เสียชีวิตคือผู้สูงอายุ และมีอาการป่วยอื่นๆ อยู่ก่อนแล้ว โดยผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ แต่ก็มีผู้ติดเชื้อรายใหม่บางคนอยู่นอกแคว้นลอมบาร์ดี และเวเนโต 2 แคว้น ที่มีการระบาดอย่างหนัก รวมทั้งใน 3 เมืองของเกาะซิซิลี, 2 เมืองในแคว้นทัสกานี และอีกหนึ่งเมืองในแคว้นลีกูเรีย ทำให้อิตาลีต้องสั่งปิดโรงเรียน, พิพิธภัณฑ์และโรงละครต่าง ๆ ใน 2 แคว้นศูนย์กลางการระบาด และทหารต้องปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลควบคุมการกักบริเวณใน 10 เมืองของแคว้นลอมบาร์ดี และเมืองโวกูแอนนีโอ แคว้นเวเนโต
ภาพจากอีจัน

ส่วนที่ฝรั่งเศสพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2 คนเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 63 โดยหนึ่งในผู้ติดเชื้อเป็นหญิงชาวจีนที่เดินทางกลับจากจีนมายังฝรั่งเศส ส่วนอีกคนเป็นชายชาวฝรั่งเศส ที่เดินทางกลับจากท่องเที่ยวในแคว้นลอมบาร์ดี ประเทศอิตาลี ศูนย์กลางการระบาดใหญ่ที่สุดในยุโรป หลังจากที่เพิ่งรายงานการรักษาที่ผู้ป่วยหายดีรายสุดท้าย

นอกจากนี้ ออสเตรีย, โครเอเชีย และสวิตเซอร์แลนด์ รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายแรกของประเทศแล้ว ซึ่งกลับมาจากอิตาลี ส่วนในสเปนพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 6 คน รวมเป็น 9 คน ซึ่งผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมถึงผู้หญิงคนหนึ่งในเมืองบาร์เซโลนา เคยเดินทางไปยังแคว้นลอมบาร์ดีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อีกทั้งยังพบเพิ่มเติมอีกใน เยอรมนี 2 คน รวม 18 คน

ภาพจากอีจัน
และเมื่อวันอังคาร ที่ผ่านมา (25 ก.พ.63) สมาคมเกษตรกรโคล์ดิเรตตี (Coldiretti farmers’ association) เผยแถลงการณ์ แจ้งเตือนฟาร์ม 500 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในเขตสีแดงภายในแคว้นลอมบาร์ดี และแคว้นเวเนโต ซึ่งเสี่ยงเผชิญ “ภาวะชะงักตัว” เนื่องจากทางการสั่งห้ามไม่ให้เกษตรกรรีดนมวัว และทำงานในพื้นที่การเกษตร โดยแถลงการณ์ระบุว่า “สถานการณ์ยากลำบากนี้เกิดขึ้นทั่วพื้นที่โพ วัลเลย์ (Po Valley) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารจากการเกษตรถึง 1 ใน 3 ของอิตาลี โดยพื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ฉุกเฉินเชื้อไวรัสโควิด-19”

ทั้งนี้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอิตาลี โรแบร์โต สเปรานซา (Roberto Speranza) ได้จัดการประชุมกับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของออสเตรีย โครเอเชีย ฝรั่งเศส เยอรมนี สโลวีเนีย สวิตเซอร์แลนด์ และสเตลลา คีเรียคิเดส (Stella Kyriakides) กรรมาธิการด้านสุขภาพและความปลอดภัยในอาหารของยุโรป โดย สเปรานซา กล่าวภายในงานแถลงข่าวว่าทุกฝ่ายตกลงจะไม่ปิดชายแดน และจะแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด

“การปิดชายแดนเป็นมาตรการที่ผิดพลาดและไม่เหมาะสม” สเปรานซากล่าว “ไวรัสไม่รู้จักพรมแดน เราจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันเพราะไม่มีประเทศใดสามารถแก้ปัญหานี้ได้เพียงลำพัง นั่นเป็นความจริงที่ชัดเจน”

จูลิโอ กัลเลรา (Giulio Gallera) ที่ปรึกษาด้านสวัสดิการของแคว้นลอมบาร์ดี ระบุในงานแถลงข่าวที่เผยแพร่ทางโทรทัศน์ว่า ต่อจากนี้ไปผลตรวจผู้ติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตจะต้องได้รับการยืนยันจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติอิตาลี (ISS) เสียก่อน และเมื่อสถาบันฯ ยืนยันว่า ผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิต มีความเกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสโควิด-19 จริง เราจึงจะนับรวม และเผยแพร่ตัวเลขสถิติ