‘โควิด-19’ อาจระบาดเงียบในวอชิงตัน

นักวิจัยสหรัฐฯ ชี้โควิด-19 อาจระบาดเงียบในรัฐวอชิงตัน สหรัฐฯ นานถึง 6 สัปดาห์แล้ว อาจมีผู้ติดเชื้อราว 150-1,500 คน

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

วานนี้ (3 มี.ค. 63) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า
เมื่อวันอาทิตย์ (1 มี.ค.63) หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ (New York Times) รายงานคำกล่าวของนักวิจัยสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่าผลการตรวจสอบจีโนมของผู้ติดเชื้อ 2 รายในรัฐวอชิงตันทำให้สามารถคาดเดาได้ว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 อาจระบาดในรัฐมาเป็นเวลา 6 สัปดาห์แล้ว

ภาพจากอีจัน
เทรเวอร์ เบดฟอร์ด (Trevor Bedford) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ของศูนย์วิจัยโรคมะเร็ง เฟรด ฮัตชินสัน (Fred Hutchinson Cancer Research Center) มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อ 2 รายที่อาศัยอยู่ในประเทศและมณฑลเดียวกัน แต่ไม่มีประวัติว่ารู้จักหรือเคยติดต่อกันโดยตรง ผลการตรวจสอบทางพันธุกรรม ทำให้สามารถคาดเดาได้ว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจแพร่ระบาดในหมู่ประชาชนในชุมชนมาเป็นเวลาเกือบ 6 สัปดาห์แล้ว

ซึ่งรายงานผู้ติดเชื้อรายแรก เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่ 2 พบเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 โดยคาดว่าผู้ติดเชื้อรายที่ 2 ได้รับเชื้อมาจากผู้ติดเชื้อรายแรก เนื่องจากเชื้อไวรัสในร่างกายของผู้ติดเชื้อทั้งสองราย มีการแปรผันทางพันธุกรรมในลักษณะที่หาได้ยาก โดยลักษณะดังกล่าวพบในข้อมูลเชื้อตัวอย่างจากจีนเพียง 2 ใน 59 ตัวอย่างเท่านั้น

ภาพจากอีจัน
แอนดรูว์ รัมเบาต์ (Andrew Rambaut) ศาสตราจารย์ด้านอณูวิวัฒนาการ (วิวัฒนาการของโมเลกุล) แห่งมหาวิทยาลัยเอดินบะระ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการวิเคราะห์ดังกล่าว ระบุว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เชื้อไวรัสจากต่างแดนทั้งสอง ซึ่งมีที่มาต่างกัน จะถูกพบในพื้นที่เดียวกันในสหรัฐฯ ทั้งยังมีความคล้ายคลึงกันทางพันธุกรรม จึงเป็นไปได้ว่าเชื้อทั้ง 2 มีความเกี่ยวพันกัน ด้านหัวหน้านักวิทยาศาสตร์การวิจัยแห่งสถาบันการจำลองโรคในเมืองเบลวิว (Bellevue) รัฐวอชิงตัน ระบุว่า

เชื้อไวรัสเริ่มแพร่ระบาดภายในรัฐโดยไม่มีใครทราบ มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคม ซึ่งหมายความว่าอาจมีผู้ติดเชื้อแล้วราว 150-1,500 ราย และมีผู้เข้าข่ายว่าอาจจะติดเชื้อราว 300-500 ราย ระบุว่าสถิติดังกล่าว “เป็นตัวเลขที่มีความเป็นไปได้สูงสุด แต่ก็อาจมีความคาดเคลื่อนสูงเช่นกัน” ผู้คนเหล่านั้น “อาจติดเชื้อและหายดีแล้ว หรือกำลังติดเชื้ออยู่” ฟามูแลร์กล่าว

สถิติการเฝ้าระวังทางสาธารณสุขของสหรัฐฯ ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อแล้วทั้งหมด 43 ราย แบ่งเป็นกลุ่มคนที่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ 17 ราย และผู้ที่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งยังไม่รู้จักและไม่เคยติดต่อกับผู้ติดเชื้อจำนวน 26 ราย ทั้งนี้ รายงานล่าสุดในวันที่ 3 มี.ค. เวลา 15.15 น. ระบุว่ามีผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ทั้งหมด 103 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 7 ราย และหายดีแล้ว 9 ราย