กพท.ควบคุมผู้โดยสารจาก 4 ประเทศเสี่ยงโควิด-19

กพท.ประกาศมาตรการป้องกันผู้โดยสารเข้าไทยจาก 4 ประเทศกลุ่มเสี่ยง ไม่มีใบรับรองแพทย์ งดออกตั๋ว พร้อมให้กักตัวตามมาตรการ

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ออกประกาศเรื่องแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศ โดยผู้โดยสารที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศ เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยัน ไม่เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด -19 หากไม่มีใบรับรองแพทย์มายืนยันให้งดออกบัตรขึ้นเครื่องผู้โดยสาร พร้อมทั้งให้กักตัวตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ

ภาพจากอีจัน

วันนี้ (9 มี.ค.63) นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศเกี่ยวกับการให้บริการจากท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด (COVID-19)

หลังกำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักร ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea) สาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) รวมถึงเขตบริหารพิเศษมาเก๊า (Macao) และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (Hong Kong) สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) และสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (Islamic Republic of Iran) เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด (COVID-19) นั้น

เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศในการปฏิบัติการบินระหว่างท้องที่ดังกล่าวและเพื่อสนับสนุนการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคของประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

จึงประกาศแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศ ดังต่อไปนี้

1.ในกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ท้องที่นอกราชอาณาจักรใดเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด (COVID-19) ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากท้องที่นั้นต้องได้รับการกักตัว (quarantine) และอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออย่างอื่นตามที่รัฐบาลกำหนด

2.ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ให้บริการจากสถานีต้นทางในท้องที่ที่เป็นเขตโรคติดต่อ ทำการคัดกรองผู้โดยสารโดยในเวลาแสดงตัวเพื่อออกบัตรขึ้นเครื่อง (Check in) โดยตรวจสอบใบรับรองแพทย์ (Health Certificate) เพื่อยืนยันว่าผู้โดยสารไม่มีความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด (COVID-19) หากผู้โดยสารไม่สามารถแสดงใบรับรองแพทย์ดังกล่าวได้ ให้งดการออกบัตรขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) ให้แก่ผู้โดยสารนั้น

3.ผู้ดำเนินการเดินอากาศอาจพิจารณาใช้มาตรการตามข้อ 2. ในการคัดกรองผู้โดยสารจากสถานีต้นทางในประเทศและเขตปกครองพิเศษที่มีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข หรือ World Health Organization ว่าพบผู้ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโควิด (COVID-19)

4.เมื่อได้ตรวจสอบใบรับรองแพทย์ (Health Certificate) และออกบัตรขึ้นเครื่องให้ผู้โดยสารแล้ว ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศจัดให้ผู้โดยสารกรอกข้อมูลตามแบบ ต.๘ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และยื่นต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่สนามบินปลายทาง

5.เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศมีอำนาจออกคำสั่งตามความในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ดังต่อไปนี้
(1) ห้ามผู้ใดเข้าไปในหรือออกจากอากาศยานที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
(2) ห้ามนำพาหนะอื่นใดเข้าเทียบอากาศยานที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรดำเนินการหรือออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศ
(3) ดำเนินการหรือออกหนังสือให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(ก) กำจัดความติดโรค เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ของโรคจัดให้อากาศยานจอดอยู่ ณ สถานที่ที่กำหนดให้จนกว่าเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศจะอนุญาตให้ไปได้
(ข) ให้ผู้เดินทางซึ่งมากับพาหนะนั้นรับการตรวจในทางแพทย์ และอาจให้แยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ณ สถานที่และระยะเวลาที่กำหนด

6.ผู้ดำเนินการเดินอากาศจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งผู้เดินทางซึ่งมากับอากาศยานนั้น เพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตลอดทั้งออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ

7.ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตราย และมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออันตรายตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดตามความในพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยเคร่งครัด

8.ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งแนวปฏิบัติดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีต้นทาง และเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานให้ทราบและถือปฏิบัติ และให้เจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานประกาศเพิ่มเติมบนอากาศยานให้ผู้โดยสารทราบโดยทั่วกัน