หลังมีการเผยแพร่ข้อมูล ว่า มีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 1 ราย ล่าสุด พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 ในฐานะโฆษก สตม ได้ออกมาชี้แจงว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง |
“ตามที่สื่อมวลชนมีการเสนอข่าว กรณีโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครได้รับผู้ป่วยชาย ติดเชื้อโควิด 19 โดยชายดังกล่าวเป็นมีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ฝ่าย ตม.ขาเข้า ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ โดยสาเหตุของการพบอาการป่วย เนื่องจาก บก.ตม.2 มีมาตรการให้ เจ้าหน้าที่ ตม.ทุกนายตรวจวัดไข้ ก่อน และ หลังปฏิบัติหน้าที่
โดยเมื่อวันที่ 7 มี.ค.63 เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ได้รับการตรวจก่อนออกเวร พบว่ามีอาการครั่นเนื้อ ครั่นตัว และพบไข้ขึ้นสูงเกิน 37.5 จึงได้ดำเนินการตามมาตรการนำส่ง รพ.ลาดกระบัง เพื่อตรวจอาการ ซึ่งแพทย์เห็นว่ามีแนวโน้มเสี่ยง จึงนำส่ง รพ.กลาง เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนอาการ PUI โดยละเอียด
ต่อมาวันที่ 9 มี.ค. 63 ผลตรวจออกมา พบว่าเป็นบวก ซึ่งอาการขณะนี้ มีเพียงไข้แต่ไม่มีอาการติดเชื้อที่ปอดแต่อย่างใด เนื่องจากถึงมือแพทย์โดยเร็วทันทีที่สงสัย พบอาการนอกจากนั้น ได้ติดตามตรวจสอบผู้ร่วมพักอาศัย พบว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว พักกับรูมเมท ซึ่งตรวจแล้ว ไม่พบว่ามีอาการติดเชื้อแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในส่วนของ เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในเคาท์เตอร์เดียวกัน ก็ได้มีการดำเนินการตามมาตรการของ บก.ตม.2 โดยนำตัวเข้ารับการตรวจกับแพทย์ ซึ่งผลพบว่าไม่มีอาการติดเชื้อแต่อย่างใด แต่ก็ให้ทำการเก็บตัวที่บ้าน 14 วัน
การดำเนินการตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ Covid-19 ทาง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 ได้มีการกำหนดมาตรการให้ใช้หน้ากากอนามัย ถุงมือ เพื่อป้องกันการสัมผัส รวมถึงการเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อที่อุปกรณ์ เครื่องมือ ช่องตรวจ ทุก 10 นาที รวมถึงการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนและหลังทำงาน และหากพบว่ามีอาการผิดปกติก็ให้รีบนำส่งแพทย์ ซึ่ง จนท.รายดังกล่าว ก็เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด
จะเห็นได้ว่า มาตรการดังกล่าว ช่วยลดความเสี่ยงแก่ตัว จนท.ตม.ผู้ปฏิบัติ ซึ่งต้องรองรับการตรวจผู้โดยสารจากทั่วโลกกว่าวันละ 60,000 คน ตลอดช่วง 2 เดือนเศษที่ผ่านมา โดยหากไม่มีมาตรการดังกล่าว อาจเกิดความเสียหายรุนแรงขึ้นได้