จุรินทร์ ย้ำไม่มีนโยบายส่งออกหน้ากากอนามัย ตราบใดที่คนไทยยังไม่พอใช้

จุรินทร์ เตือน เสพโซเชียลต้องระวัง Fake News ย้ำ ไม่มีนโยบายให้ส่งออกหน้ากากอนามัย 330 ตัน ตราบใดที่คนไทยยังไม่พอใช้

(11 มี.ค.63) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกรณีที่มีข่าวกรมศุลกากร เปิดเผยยอดส่งออกหน้ากากอนามัย ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาว่ามีการส่งออกสูงถึง 330 ตัน เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนเข้าใจผิด และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในโซเชียล เพราะฉะนั้นการเสพข่าว ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ต้องใช้การวิเคราะห์ และต้องใช้ดุลยพินิจเป็นพิเศษ เพราะว่าเป็น Fake News เยอะ และข่าวที่คลาดเคลื่อนก็มีไม่น้อย แต่เรื่องนี้ก็ไม่ตำหนิใคร จากความผิดพลาดนี้ทำให้ในที่สุดกรมศุลกากรก็ต้องออกแถลงชี้แจงข่าว

ภาพจากอีจัน
ล่าสุด ตอนนี้มีประกาศชัดเจน ว่า การที่จะส่งออกหน้ากากอนามัยได้นั้น แม้แต่ชิ้นเดียวก็ต้องขออนุญาต ยกเว้นกรณีที่ผลิตชนิดที่ประเทศไทยไม่ใช้ หรือเป็นการผลิตในกรณีที่เป็นการผลิตภายใต้แบรนด์ หรือยี่ห้อ เนื่องจากเป็นการผลิตภายใต้ข้อผูกพัน ยี่ห้อ ที่นำมาจำหน่ายในประเทศไม่ได้ เพราะหากนำมาขายก็จะผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ในเรื่อง เครื่องหมายการค้า ซึ่งสิ่งนี้จะต้องอนุญาตเพราะเป็นการทำการค้าปกติ แต่ถ้าเป็นหน้ากากอนามัยที่ประเทศไทยต้องใช้นั้นจะไม่อนุญาตเด็ดขาด หลังจากวันที่ 5 ก.พ.63 จะไม่มีการส่งออกหน้ากากอนามัยแบบที่ประเทศไทยใช้ และผู้อนุญาตส่งออกนั้นไม่ใช่ รมต.กระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน ซึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งจะมีคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาอนุญาตส่งออกตามนโยบายที่ได้วางไว้ เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเชื่อมโยงกันระหว่างกรมการค้าภายในกับผู้ส่งออกบางราย นายจุรินทร์ เผยต่ออีกว่า หากเป็นอย่างนั้นก็จะไม่เอาไว้แน่ ดังนั้นเมื่อเห็นข่าวจึงโทรศัพท์ไปสอบถามอธิบดีกรมการค้าภายในทันที ว่า ได้อนุญาตส่งออกหรือไม่ ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มี และเป็นการผลิตภายใต้ข้อผูกพันยี่ห้อตามที่ได้กล่าวข้างต้น “ผมดีใจนะครับ ผมเปิดโซเชียลดู มีความเห็นอยู่อันหนึ่ง เขาบอกว่า 330 ตัน เป็นไปได้เหรอ ถ้าผลิต 330 ตัน จะต้องใช้เวลาผลิต 239 ปี สำหรับกำลังการผลิต 11 โรงงานที่มีอยู่ในประเทศไทย ผมก็คิดว่าก็มีบางส่วนจะเชื่อ แต่ก็มีบางท่านที่ไม่เชื่อ และมีคำถามว่ามันจะจริงหรือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็ต้องขอบคุณความเห็นนี้ ผมก็เข้าไปดู เจอพอดีก็เลยจำไว้ว่าท่านคอมเม้นท์ไว้ว่าอย่างไร” แต่หากมีการลักลอบส่งออกหรือไม่นั้น จะเป็นหน้าที่ของกรมศุลกากร เพราะการผ่านด่านจะต้องผ่านด่านศุลกากร หรือผ่านช่องทางที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องจับกุมดำเนินคดี แต่โดยนโยบายนั้นไม่มีนโยบายอนุญาตให้ส่งออก ตราบใดที่คนไทยยังไม่พอใช้ ใครไปอนุญาตให้ส่งออกคนนั้นตายก่อน