(18 มี.ค.63) นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย กรณีการมอบอำนาจให้ทนายความดำเนินคดี 2 ข้อหาต่อนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ หรือที่อ้างว่าคือทนายอัจฉริยะ เกี่ยวกับความผิดเรื่องหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อพนักงานสอบสวน ต่อศาลที่มีอำนาจ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด จากการที่นายอัจฉริยะกล่าวหาให้ร้ายว่ามีที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งออกหน้ากากอนามัย
และเพื่อให้สังคมสิ้นสงสัยจากความอึมครึม เพราะมีการกล่าวหาแต่ฝ่ายเดียว กระทบถึงการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ผู้คนมโน ผสมจินตนาการ ไปมากมายบนสังคมการสื่อสารออนไลน์ จึงใช้โอกาสนี้เรียนชี้แจงว่า
1.ขอปฏิเสธ ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการส่งออกหน้ากากอนามัย หรือกิจการใดของผู้ประกอบการเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย ทั้งสิ้น
2.ขอปฏิเสธ ว่าไม่รู้จัก ไม่มีความสัมพันธ์ ไม่ได้ผูกพัน ไม่ได้ใกล้ชิด ไม่ได้มีมิตรคนใดไปเกี่ยวข้องกับกิจการหน้ากากอนามัยของบริษัทใดทั้งสิ้น
3.ในการทำหน้าที่ขออนุญาต ตามระเบียบราชการนั้น จะมีคณะอนุกรรมการ จากกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีทั้งตัวแทนองค์การอาหารและยา (อย.) ตัวแทนองค์การเภสัช ตัวแทนกรมการค้าภายใน และตัวแทนกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นผู้พิจารณาซึ่งเป็นองค์คณะ ฝ่ายข้าราชการการเมืองไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ จึงเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องตามที่พยายามยัดเยียด ข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม ยินดีให้ความร่วมมือในการตรวจสอบภาคประชาชนทุกคน แม้แต่นายอัจฉริยะในฐานะภาคประชาชนนั้น เดินหน้าทำการตรวจสอบต่อไปอย่าได้หยุด แต่การตรวจสอบนั้นต้องรวบรวมข้อมูลหลักฐานให้ชัดเจนก่อนจะกล่าวหาผู้ใด เพราะการใช้คำพูด 2-3 คำให้ร้ายผู้อื่นโดยปราศจากความเป็นธรรมตั้งแต่ต้นเสียแล้ว เช่นนี้เราจะไปหาความเป็นธรรมให้กับประชาชนได้อย่างไร ดังนั้นจึงขอให้นำพยานหลักฐานทุกชนิดเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือทุกสำนักได้เลยเพราะตนก็เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ และไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบใดๆในเรื่องนี้ หรือตรวจสอบผู้อื่นที่ทำผิดกฎหมายด้วยการกักตุนสินค้าควบคุม โดยเฉพาะรายที่มีหลักฐานชัดเจนผ่านตามคลิปวีดิโอที่ถ่ายทอดสด Facebook Live จากโกดังต่างๆนั้นก็อย่าให้เงียบหายไป ขอให้ทำการตรวจสอบอย่างเท่าเทียมกัน
ในภาวะวิกฤตนี้ ทุกคนต่างมีงาน มีหน้าที่ มีความรับผิดชอบ ทั้งข้าราชการกระทรวงพาณิชย์และฝ่ายบริหารทุกคนต่างก็มุ่งมั่นทำงานในภาวะวิกฤต และตลอดเดือนกว่ามานี้หลายคนต้องอดตาหลับขับตานอน โดยเฉพาะข้าราชการที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ต้องทำงานแก้ไขปัญหาทุกวินาทีที่เขาหายใจ ซึ่งอาจจะไม่สามารถทำให้ถูกใจทุกคนได้เพราะปัจจุบันนี้ภาระหน้าที่ซึ่งอยู่ตรงหน้าเป็นวิกฤตระดับโลก แต่ทุกคนก็สู้สุดใจในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนจนสุดกำลังความสามารถ