แมทธิว เผย กินยามาลาเรีย ยาต้านเอชไอวี สูตรมาตรฐานทั่วโลกเขารักษากัน

แมทธิว อัดคลิปเล่าเรื่องราวระหว่างการรักษาโควิด-19 ต้องกินยาต้านเอชไอวี สูตรมาตรฐานทั่วโลก พร้อมวอนหน่วยงาน ภาครัฐ ปิดสถานที่เสี่ยงจริงจัง!

หลังจากที่ แมทธิว ดีน ออกมาประกาศว่าตัวเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ก่อนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ล่าสุด เขาได้ออกมาอัดคลิปเล่าเรื่องราวระหว่างที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาล โดยโพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ว่า

ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจตลอด 7 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่แรกอาการ มันไม่ได้รู้สึกหนักมาก เหมือนเป็นไข้หวัด ปวดเมื่อยตามร่างกายบ้าง สำหรับคนออกกำลังกายอาจจะคิดว่ามันมาจากการออกกำลังกาย อารมณ์นั้นแหละ ปวดเหมื่อยเหมือนอยากนวด แต่ไม่ได้ไปนวด แล้วก็มีคัดจมูกเหมือนเป็นภูมิแพ้ พอไข้เริ่มขึ้นแล้ว ผมก็เลยไปหาหมอ นี่เป็นสัญญาณที่ทุกๆคนจะรู้สึกว่าถ้ามีไข้นิดหนึ่งก็ไปหาหมอ ถ้ายังไม่เคยตรวจ หรือว่าเคยตรวจแล้วอาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็ไปปรึกษาแพทย์อีกรอบหนึ่ง เพราะว่าไข้มันเป็นตัวชี้ที่อันตรายและชัดเจนชนิดหนึ่ง พอมีไข้ไปได้ประมาณวันกว่าๆ แล้วก็เข้ามาโรงพยาบาล ไข้ก็เริ่มหาย เป็นแบบนี้ประมาณ 3-4 วัน รู้สึกว่ามันโอเคแล้ว ก็สู้กับมันอยู่

หลายๆคนก็ยังไม่เข้าใจ หมอทั่วโลกก็ยังไม่เข้าใจ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เพราะฉะนั้นผมก็ถามหมอว่าจะมีโอกาสไข้กลับมาไหม หมอก็บอกว่ามีโอกาส ผมก็หวังว่ามันจะไม่กลับมาแต่ว่าเมื่อวาน หลังจากที่ไม่มีไข้มา 4 วัน มันก็กลับมาจริงๆ อาจารย์บอกว่าช่วงที่ไม่มีไข้ พวกความดัน สิ่งอื่นๆ อย่างเช่น ออกซิเจน ภาพเอ็กซเรย์ต่างๆของผม พวกการเจาะเลือดต่างๆ ของผมดูปกติดี

พอมีไข้ อาจารย์เขาจะให้เริ่มกินยา ประมาณ 3-4 ตัว เพื่อที่จะเอาเชื้อออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด ถ้าปล่อยไปมันก็จะนานมากๆ ไม่รู้ว่าบางคน 5-7 วัน บางคน 20-30 วัน มันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน และถ้าปล่อยไปก็ไม่รู้ว่ามันจะดีขึ้นเอง หรือว่ามันจะแย่ขึ้น เพราะฉะนั้นกินยาไปประมาณ 4 ตัว มี ยามาลาเรีย ยาต้านเอชไอวี ยาอีก 2-3 ตัว ซึ่งเป็นสูตรมาตรฐานที่คนทั่วโลกเขาทำกันตอนนี้ เป็นสูตรที่เขาคิดว่าดีที่สุด เพื่อรักษาโควิด-19 ในปัจจุบัน

ยามันก็แรง เมื่อคืนหลับไม่ค่อยลง รู้สึกว่าไข้ก็ดีขึ้นเป็นช่วงๆ พอตื่นมาตอนเช้า ก็มีไข้ขึ้นมา กินยาชุดต่อไปเรียบร้อยแล้ว

บางคนถามเข้ามาถึงความเจ็บ ความทรมานของโรคนี้ เมื่อเป็นแล้วมันขนาดไหน ซึ่งบอกยาก เพราะว่าความอดทนของคนเราไม่ตรงกัน บางคนมีความอดทนมาก บางก็มีความอดทนน้อย แล้วแต่ แต่สำหรับผมมันร่างกายไม่เท่าไหร่ เป็นไข้ผมก็เคยเป็นมาแล้ว แต่ที่แตกต่างกันออกไปก็คือความกังวลมากกว่า การที่เราไม่รู้ แม้กระทั้งหมอทั่วโลกก็ยังไม่รู้ ถึงความชัดเจนของโควิด-19 ถามอะไรไปก็ยังไม่แน่ใจ ตอบได้ไม่เต็มปาก เขาก็ไม่รู้จริงๆ

คนเรารวมตัวกันน้อยลง เจอกันน้อยลง มันจะทำให้โรคนี้เป็นกันน้อยลง แล้วจะยืดออกไป เพื่อที่จะทำการวิจัย และหาวิธีการรักษา เพราะฉะนั้นสถานที่บันเทิง สนามกีฬาต่างๆ ร้านอาหารใหญ่ หรือว่าหลายที่มันปิดได้ ก็ปิด หรือไม่ก็เลี่ยง ก็เข้าใจว่ามันไม่ง่าย กับคนที่ต้องออกไปทำงาน เพื่อหาเงินวันต่อวัน เข้าใจเลยแหละ ต้องใช้ความอดทน แต่ว่าคิดในแง่ที่ว่าเราไม่ทำ แล้วยังใช้ชีวิตปกติ โดยที่เราคิดแต่เงินในวันนี้ สุดท้ายคนก็เป็นกันเยอะ สุดท้ายมันก็เป็นแบบนี้ ทำให้เร็วที่สุด แล้วรีบกลับมาฟื้นประเทศ ฟื้นโลกเราให้เร็วที่สุด ผมว่าน่าจะเป็นทางที่ดีนะครับ

ย้ำอีกที สถานบันเทิง หรือว่าที่ที่มีคนรวมตัวเยอะ 5-10 คน ว่าเยอะแล้ว มีโอกาสติดต่อกัน ปิดครับ กรุณา ทางรัฐ ทางตำรวจช่วยดูด้วยแล้วกันครับ ว่าปิดกันจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าแอบเปิดรอบดึก เพื่อโกงลูกค้าที่ไม่มีที่ไป แล้วก็ไม่กลัวโดยที่ไม่มีจิตสำนึก รักษากฎหมายตรงนี้ไว้ เพราะตรงนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติแล้ว ประเทศอื่นเวลาเขาปิด เขาก็ปิดจริงจัง ดูจากอิตาลีคนเยอะขนาดไหน มีรายได้จากคาเฟ่ ร้านอาหารขนาดไหน เขาต้องทำให้ได้ เพราะฉะนั้นประเทศไทยเราก็ต้องทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีที่อยู่ ในประเทศเราจะไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตอีกต่อยาว