เปิดใจลุงทองสุข แท็กซี่คนไทยคนแรก ติดโควิด-19

เปิดใจลุงทองสุข แท็กซี่คนไทยคนแรกที่ติดเชื้อโควิด-19 และหายขาด 100% เพราะภูมิคุ้มกันร่างกายฆ่าเชื้อจนหมด เผย ตอนนี้บริจาคเลือดให้หมอทำวิจัยสู้โควิด-19

หลายคนคงยังจำได้ ลุงทองสุข ทองราช อาชีพขับรถแท็กซี่ คนไทยคนแรกที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) และรักษาจนหายขาดเพียงเวลาแค่ 10 กว่าวัน 

ภาพจากอีจัน

อีจันได้เจอกับลุงทองสุข และก็ได้สอบถามสุขภาพปัจจุบันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ลุงทองสุข บอกว่า ตอนนี้สุขภาพร่างกายเป็นปกติ แข็งแรงดี ไม่ต้องไปตรวจหาเชื้ออีกแล้ว เพราะมันหายแล้ว 100% แต่ว่าลุงทองสุขได้ร่วมช่วยเหลือคุณหมอ ด้วยการไปบริจาคเลือด เนื่องจากคุณหมอทีมที่รักษาโรคโควิด-19 ต้องการนำเลือดของลุงทองสุขไปวิจัยและสกัด คิดค้นยาต้านไวรัสตัวนี้

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

พอลุงทองสุขเล่ามาถึงตรงนี้ จันก็เอ๊ะทันที แล้วทำไมหมอถึงต้องอยากได้เลือดลุงไปวิจัยล่ะ?

ก่อนที่ลุงจะเฉลย ลุงก็ได้เล่าย้อนเปิดใจตัวเองช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดแรกๆ และลุงก็เป็นคนไทยคนแรกที่ติด โดยลุงทองสุข เล่าว่า อาการของลุงตอนแรกคือครั่นเนื้อครั่นตัว เมื่อยล้าร่างกาย และเริ่มจะร้อนแผ่วที่เบ้าตา อาการคล้ายคนจะไม่สบายขั้นเริ่มต้นทั่วไป ลุงก็ได้ซื้อยามากินเอง เพราะคิดว่าคงไม่สบายธรรมดา แต่ผ่านไปแค่ 1 ชั่วโมง อาการก็กลับดูจะแรงขึ้น คือ เริ่มมีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว แสบร้อนผิวเล็กน้อย แล้วเริ่มปวดหัว จึงทำให้ลุงตัดสินใจไปหาหมอเพราะไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คืนแรกเข้ารับการรักษาที่ รพ.นพรัตน์ ซึ่งหมอก็ได้ให้กินยาตามอาการ ตอนนั้นลุงก็ยังไม่คิดอะไรมาก เช้าวันต่อมา หมอก็เข้ามาบอกว่า “เดี๋ยวเราจะย้ายลุงไปรักษาที่บำราศนราดูรนะ” นาทีนั้นที่ได้ยิน ลุงทองสุขก็เข้าใจและรู้เองเลยว่า ติดเชื้อโคโรนาแน่ๆ เนื่องจากว่าลุงก็คอยติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา เพราะอาชีพของลุงต้องพบปะคนแปลกหน้าต่างชาติอยู่ตลอด ลุงทองสุขบอกว่า ในหัวตอนนั้นมันบอกว่า กูตายแน่ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ทำให้คิดถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนคนหนึ่งที่ได้รับมาจากนานา ซึ่งนักท่องเที่ยวคนนี้กำลังยื่นแผนที่มาสอบถามกับลุง และก็ได้จามใส่หน้าลุงเต็มๆ ซึ่งลุงคิดว่าน่าจะติดเชื้อมาจากคนนี้แน่นอน

วันแรกที่ย้ายมารักษาตัวที่บำราศนราดูร ลุงก็ยังมีอาการรุนแรงอยู่ คือปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ เริ่มจะไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ลุงถูกแยกรักษาและไม่ได้เจอกับครอบครัวเลย ซึ่งตอนนั้นพูดกันตามตรงก็คือยังไม่มียารักษา ลุงทองสุขบอกว่า การรักษาของลุงตอนนั้นก็รักษาไปตามอาการ และลุงก็มารู้ตอนหายแล้วว่า ช่วงที่ย้ายมาบำราศนราดูร ทีมแพทย์ก็นำตัวคนในครอบครัวมาตรวจหาเชื้อ และให้กักตัวด้วยเหมือนกัน วันที่ 2 ไข้ลดลง อาการต่างๆไม่มีแล้ว ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นมา ตอนนั้นลุงคิดว่า รอดแล้วกู วันที่ 3 หมอเข้ามาตรวจและบอกว่า ผลเอกซเรย์ปอดไม่มีฝ้าที่ปอดแล้ว และเชื้อไวรัสในร่างกายก็ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งลุงก็ดีใจมาก และเริ่มมีกำลังใจ จนต้องลุกจากเตียงมาออกกำลังกาย วิ่งวนไปหาในห้องพักของตัวเอง จนพยาบาลขำกันหมด วันที่ 4 หมอเข้ามาบอกข่าวดี ว่าร่างกายของลุงไม่พบเชื้อไวรัสแล้ว ผลเป็นลบ และหมอยังชมลุงด้วยว่าร่างกายแข็งแรงจริงๆ ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็ฟื้นตัวเร็ว จนฆ่าเชื้อไวรัสไปจนหมด ตอนนั้นลุงก็น้ำตาไหลอีก เพราะดีใจที่รอดตาย

ลุงทองสุขเล่าต่อว่า ตัวลุงยังต้องอยู่ดูอาการอีกประมาณอาทิตย์หนึ่ง เมื่อให้แน่ใจว่าเชื้อจะไม่กลับขึ้นมา จนถึงวันที่ 10 ที่รักษา ลุงก็ได้กลับบ้าน เพราะเชื้อไวรัสมันหายไปหมดแล้ว 100% ซึ่งหมอบอกกับลุงว่า ภูมิคุ้มกันร่างกายของลุงทองสุข มันสร้างตัวขึ้นมาและฆ่าเชื้อไวรัสให้ตายจนหมด หมอจึงขอใช้เลือดของลุงทองสุขมาทำการวิจัยคิดค้นยาต้านไวรัสตามที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง

และตอนนี้ลุงทองสุขก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ กลับมาขับแท็กซี่ตามเดิม แต่เพิ่มเติมคือความไม่ประมาท ลุงทองสุขบอกว่าลุงจะใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ขับรถ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเจอใครบ้าง ทุกเช้าจะเช็ดทำความสะอาดรถด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และเปิดรถตากแดดไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้หลังรับส่งผู้โดยสารแต่ละคนแล้ว ลุงก็จะเปิดหน้าต่างรถเพื่อระบายอากาศทุกๆครั้งด้วย

ภาพจากอีจัน

สุดท้าย ลุงทองสุข ฝากถึงประชาชนทุกคนว่า สถานการณ์ตอนนี้มันกำลังไม่ดี ทั้งไวรัสระบาดและเศรษฐกิจซบเซา อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจกับสถานการณ์และป้องกันตัวเองในเบื้องต้น เพื่อร่วมกันผ่านมันไปให้ได้โดยไว และขอบอกว่าโรคนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด คนที่อาการหนักเป็นเพราะมีโรคประจำตัวและร่างกายอาจจะไม่แข็งแรง แต่ถ้าเราหมั่นออกกำลังกาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอก็จะสู้กับไวรัสตัวนี้ได้ และที่สำคัญต้องมีกำลังใจที่ดี เรามาร่วมเป็นกำลังใจให้กัน และส่งกำลังใจให้ทีมแพทย์กันดีกว่า