(24 มี.ค. 63) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ที่ฮ่องกง แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) ของจีน ประกาศเมื่อวันที่ 23 มี.ค.63 ว่า จะเริ่มสั่งห้ามผู้ที่ไม่มีถิ่นพำนักในฮ่องกง เดินทางโดยเครื่องบินเข้ามาในฮ่องกง ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.63 เป็นต้นไป พร้อมทั้งระงับบริการรถรับส่งทั้งหมดที่ท่าอากาศยานนานาชาติ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เดินทางเข้ามา
- ฮ่องกงตรวจพบเชื้อโควิด-19 ระดับต่ำในสุนัข หลังเจ้าของป่วยโคโรนา
- ฮ่องกงยันยอดผู้ป่วยยืนยันผล ‘โควิด-19’ แตะ 131 ราย
ภาพจากอีจัน
แลม เผยว่า ผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางเข้าฮ่องกงผ่านแผ่นดินใหญ่ เขตปกครองพิเศษมาเก๊า และเกาะไต้หวัน โดยไม่ว่าจะเป็นผู้มีถิ่นพำนักในฮ่องกงหรือไม่ จะต้องถูกบังคับกักตัวเป็นเวลา 14 วัน และสำหรับผู้ต้องเข้ารับการกักตัวภาคบังคับ รัฐบาลฮ่องกงกำหนดให้สวมสายรัดข้อมือไฟฟ้าที่ระบุตำแหน่งไว้
แลม เรียกร้องให้ประชาชนทุกคนที่อยู่ภายใต้การกักตัวภาคบังคับปฏิบัติตามระเบียบการกักตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีประชาชน 5 คน ออกจากที่พักโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน และอีกกว่า 30 คน ที่ละเมิดระเบียบกักตัวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เพื่อลดการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน แลม เผยว่า ทางการจะเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อห้าม ไม่ให้ผู้ถือใบอนุญาตจำหน่ายสุราเปิดจำหน่ายเครื่องแอลกอฮอล์ในสถานบันเทิงและร้านอาหารต่างๆ ราว 8,600 ร้าน
มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการติดต่อและการรวมกลุ่มทางสังคม เนื่องจากผู้บริโภคในสถานบันเทิงมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ และยังมีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดโรคโควิด-19 บางราย เคยเข้าสถานบันเทิงและงานแต่งงานอีกด้วย
ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลฮ่องกงดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เช่น กำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐทำงานจากที่บ้าน ปิดสำนักงานของรัฐบางแห่ง ปิดโรงเรียน เลื่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยกเลิกงานกิจกรรมขนาดใหญ่ ดำเนินการกักกันโรค และขอความร่วมมือให้ประชาชนเว้นระยะห่างทางสังคม
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฮ่องกงมีรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 ราว 150 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในท้องถิ่น และจนถึงขณะนี้ ฮ่องกงมีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 350 ราย ซึ่งส่วนมากเป็นผู้ป่วยที่เดินทางจากต่างประเทศ