ย้อนคดีดัง จิตรลดา มือมีดคลั่ง ไล่แทงเด็ก!

ย้อนคดีดัง 15 ปีที่แล้ว จิตรลดา มือมีดคลั่ง ไล่แทงเด็ก! คดีเมื่อปี 48 อ้างได้ยินเสียงจากสวรรค์สั่งให้ทำ

ย้อนคดีดัง จิตรลดา มือมีดคลั่ง ไล่แทงเด็ก!
สลดสังคมอีกครั้ง ในรอบ 15 ปี! เมื่อ น.ส.จิตรลดา ปัจจุบันอายุ 51 ปี ก่อเหตุแทง ด.ญ. 5 ขวบดับ หลังออกจากโรงพยาบาลรักษาด้านจิตเวชได้เพียง 1 สัปดาห์
อ่านข่าว : จิตรลดา ผู้ป่วยทางจิต ก่อเหตุซ้ำแทงเด็ก 5 ขวบดับ

ภาพจากอีจัน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 48 เช้าวันศุกร์ ที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ นักเรียนต่างทยอยเดินทางเข้ามาในโรงเรียน ช่วงนั้นค่อนข้างพลุกพล่าน เพราะมีทั้งผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลาน ครูอาจารย์ที่เดินทางมาโรงเรียน ไม่ทันคาดคิด น.ส.จิตรลดา ขณะนั้นอายุ 36 ปี เดินดุ่มๆเข้ามาภายในโรงเรียน และขึ้นที่ชั้น 2 ของอาคารหลังหนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตาและเพ่งเล็งไปที่เด็กนักเรียนหญิงหน้าหมวยคนหนึ่ง แล้วพุ่งเข้าไปใช้มีดจ้วงแทงไม่ยั้ง ทำเอาเด็กนักเรียนคนอื่นๆต่างวิ่งหลบหนีด้วยความหวาดผวา ทิ้งจากเด็กหญิงหน้าหมวย เธอก็เดินไปไล่แทงเด็กนักเรียนคนอื่นอีก 3 คน ตามบริเวณของโรงเรียน ทำให้มีนักเรียนถูกแทงได้รับบาดเจ็บถึง 4 คน บาดเจ็บสาหัส 2 คน เป็นนักเรียนชั้น ป.6 วัย 12 ปี 1 คน อีก 3 คน คือนักเรียนชั้น ม.2 วัย 14 ปี

หลังก่อเหตุแล้ว จิตรลดา เดินออกไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งที่สะพานเหลือง ถนนพระราม 4 และได้ทิ้งมีด 1 เล่มในถังขยะข้างทาง และนั่นกลายเป็นข่าวดัง สลดสังคมทันที ตำรวจเร่งหาเบาะแส และเผยรูปสเก็ตของคนร้าย ต่อมามีเจ้าของร้านอาหารย่านจตุจักร ติดต่อมาที่ตำรวจว่า มีหญิงคนหนึ่งมาสมัครงาน รูปร่างหน้าตาคล้ายกับคนร้ายที่ตำรวจกำลังตามหา ตำรวจจึงได้เข้าไปจับกุมเธอที่ร้านอาหารทันที

จิตรลดา ให้ปากคำว่า เธอได้ยินเสียงจากสวรรค์สั่งให้ทำ ซึ่งเป้าหมายคือคนแขกและคนจีน ที่มีฐานะร่ำรวย เพราะคนเหล่านี้เข้ามาหาผลประโยชน์ในประเทศไทย และเอาเปรียบคนไทยเยอะแล้ว

ตำรวจจึงแจ้ง 3 ข้อหา คือ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ทำร้ายร่างกาย และ พกพาอาวุธมีดเข้าไปในที่สาธารณะ

ภาพจากอีจัน

ประวัติของ จิตรลดา ไม่มีอะไรมาก เธอเป็นชาว จ.นครปฐม เรียนจบชั้น ปวส. จากโรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ เคยเข้าทำงานเป็นพนักงานขายรถที่บริษัทแห่งหนึ่ง ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ แต่ก็ต้องลาออก เนื่องจากมีอาการทางประสาท เคยเข้ารับการรักษาตัวครั้งแรกที่โรงพยาบาลนิติจิตเวช เป็นเวลาหลายเดือน ก่อนย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ทั้งนี้ จิตรลดา ยังมีอาการผิดปกติ เคยใช้มีดปังตอฟันหัวพ่อเลี้ยงมาแล้วครั้งหนึ่ง นิสัยส่วนตัวของเธอชอบของแพง หรูหรา พักตามโรงแรมหรูชื่อดังในสมัยก่อน

ตำรวจจึงส่ง จิตรลดา ไปรักษาอาการป่วยทางจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ 20 วันต่อมา มีการแถลงข่าวว่า จิตรลดา มีอาการป่วยทางจิตชนิดที่เรียกว่า โรคหวาดระแวง ต้องได้รับการบำบัดรักษาอีกประมาณ 3 เดือน ยังไม่สามารถมาต่อสู้คดีได้ ซึ่งสรุปว่าเป็นผู้ป่วยเรื้อรังมานาน 14-15 ปี

ภาพจากอีจัน

25 ธ.ค. 2549 อัยการยื่นฟ้อง จิตรลดา ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐานพยายามฆ่า และพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ศาลประทับรับฟ้อง แต่เนื่องจากเห็นว่า จําเลยยังมีอาการจิตวิตกกังวล จึงออกหมายขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง แต่ให้ส่งตัวไปรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ พร้อมให้แพทย์ส่งรายงานการตรวจรักษามาให้ศาลพิจารณาด้วย

20 พ.ย. 2551 ศาลอาญาพิพากษา จําคุก จิตรลดา 8 ปี จําเลยสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจํา คุก 4 ปี ทั้งนี้ศาลไม่เชื่อว่าป่วยทางจิต เนื่องจากมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนก่อนก่อเหตุ หลังพ้นโทษให้ส่งตัวไปคุมตัวรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ จนกว่าจําเลยจะอยู่ร่วมในสังคมได้ โดยไม่เป็นอันตรายต่อสังคม พร้อมให้แพทย์ผู้รักษารายงานผลต่อศาลทุก 6 เดือน

ปี 2559 มีรายงานว่า จิตรลดา ทำงานบ้านและช่วยมารดาทำงานในสวนผลไม้ ช่วยงานสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มารดาของเธอบอกว่า จิตรลดา รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง และไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ชาวบ้านในชุมชนไม่มีใครรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตของเธอ