หมอฟันถูกกักตัวเพราะคนไข้ ปกปิดประวัติเสี่ยง!

ผลของการปกปิดข้อมูลกับแพทย์! หมอฟันถูกกักตัว หลังแท็กซี่ติดโควิดไปรักษา โกหกเรื่องไปสนามมวย แถมยังรับผู้โดยสารปกติ

เรื่องราวนี้อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน ในขณะที่ประเทศเรากำลังประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด คนที่เคยสัมผัสผู้ติดเชื้อหรือเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง การบอกความจริงกับแพทย์ พยาบาล นั่นคือสิ่งที่ต้องทำที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อต่อไปเรื่อยๆ อย่างเช่นเรื่องราวนี้ เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข ออกมาโพสต์เมื่อวันที่ 27 มี.ค.63 ที่ผ่านมา โดยระบุข้อความว่า

“งานทันตกรรมก็โดนทำร้าย จากคนโกหก เช่นกัน….ขอเล่าเป็นอุทาหรณ์ และเตือนสติ ทพ.ทุกท่าน
-มีคนไข้ เพศชาย มาด้วยอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ไปพบแพทย์
ผ่านการคัดกรองวัดอุณหภูมิ ได้ 36.6 C ปฏิเสธภาวะเสี่ยงทุกอย่าง แพทย์ตรวจร่างกาย จ่ายยา และส่งให้พบ ทพ. เพื่อถอนฟัน เพราะฟันโยกเป็นหนอง อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สบาย ปวดศีรษะ
-ทพ.ที่ถอนฟัน ซักประวัติอีกครั้งเรื่องความเสี่ยง คนไข้ก็ปฏิเสธ และแอบเห็นคนไข้แต่งตัวเหมือนคนขับ taxi เลยถามว่า มีรับส่ง ผดส.ไปกลับสนามมวยบ้างไหม คนไข้บอกเคยไปสนามมวยมาเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ถามย้ำอีกครั้ง ว่าไปมาเมื่อไหร่ คนไข้บอกก็ตอบแบบเดิม ทพ. ตัดสินใจถอนฟันให้ เพราะฉุกเฉินและถอนไม่ยาก
พอถอนเสร็จให้กัดก๊อซ คนไข้บอกว่า จริง ๆ เพิ่งไปมาสนามมวยลุมพินี เมื่อ 6 มี.ค. เพื่อนที่ไปด้วยกัน ถูกตำรวจตามมากักตัวหมดแล้ว แต่เค้าไม่โดน เลยขับ taxi รับส่ง ผดส เรื่อย ๆ
2-3 วันที่แล้ว มีไข้ไม่หาย กินยาพาราไข้ลด แล้วมาหาหมอ
ทพ. ตั้งสติขั้นสูงสุด ติดต่อ จนท.ให้นำตัวไปตรวจเชื้อ โควิด รอผลวันรุ่งขึ้น
วันต่อมา ผลเพาะเชื้อเป็น positve
ทพ. กลายเป็นเคส PUI เพราะสัมผัสผู้ติดเชื้อโดยตรง พักงาน กักตัวอยู่บ้าน
นี่คือ เรื่องที่เกิดจริง
– ขนาดเคสที่เร่งด่วน ยังกลายเป็นคนไข้ Covid-19 ที่ปกปิดข้อมูล
– เคสที่ไม่เร่งด่วน ยิ่งไม่ควรทำ
– เคส PUI ที่ปกปิดข้อมูล มีอยู่จริงในทุกพื้นที่ อย่าคิดว่าการคัดกรองจะได้ผล 100%
– เล่าเพื่อเตือนสติ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง”

ภาพจากอีจัน