(1 เม.ย.63) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ที่นิวเดลี ประเทศอินเดีย กระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย แถลงว่ายอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่พุ่งขึ้นอย่างฉับพลันในเดลี เป็นผลมาจากการรวมตัวกันของประชาชนชาวมุสลิมหลายพันคน ที่ร่วมกิจกรรมทางศาสนาในมัสยิดแห่งหนึ่งทางตอนใต้
อ่านข่าวเก่า : ประเทศอินเดีย ประกาศปิดประเทศ ยกเลิกวีซ่า ป้องกันโควิด-19
ลาฟ อการ์วาล (Lav Agarwal) เลขาธิการร่วมประจำกระทรวงฯ กล่าวว่า เมื่อเทียบกับวันอังคารที่ 31 มี.ค.63 อินเดียมียอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักคือการที่ประชาชนผู้เข้าร่วมกิจกรรมข้างต้น ณ อาคารทาบลิกี ชามาอัต มาร์กัซ (Tablighi Jamaat Markaz) ของมัสยิดนิซามุดดิน (Nizamuddin) ทางตอนใต้ของเดลี เดินทางไปยังหลายภูมิภาคของประเทศ
ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศอินเดียนั้น เพิ่มขึ้นเป็น 1,637 ราย พุ่งขึ้นจาก 1,397 ราย
ขณะเดียวกันแถลงการณ์จากรัฐบาลอินเดียระบุว่า รัฐต่างๆ มีความว่องไวในการ “ติดตามตัวผู้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ร่วมงานทาบลิกี ชามาอัต” ทั้งยังถูกร้องขอให้ดำเนินขั้นตอนติดตามบุคคลกลุ่มนั้นให้แล้วเสร็จด้วยความพร้อมรับมือสถานการณ์ต่อไป ผลการติดตาม พบว่า ชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งที่เข้าร่วมงานทาบลิกี ชามาอัต ได้ละเมิดเงื่อนไขวีซ่า รัฐต่างๆ จึงถูกร้องขอให้ดำเนินการเอาผิดกับชาวต่างชาติและผู้จัดงาน
สื่อท้องถิ่นรายงานว่าจนถึงขณะนี้ มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่สืบสาวแล้วพบว่าเกี่ยวข้องกับงานทาบลิกี ชามาอัตในเดลี มากกว่า 134 รายทั่วประเทศ ด้านสำนักงานตำรวจได้เตรียมเอกสารรายงานเหตุ (FIR) เพื่อฟ้องร้องคณะผู้จัดงานดังกล่าวด้วย
หลังร่วมพิธีกรรมทางศาสนาประจำปีดังกล่าวในเดลี ประชาชนหลายคนได้เดินทางไปยังหลายภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐต่างๆ ทางตอนใต้ อาทิ รัฐเตลังคานา รัฐอานธรประเทศ รัฐเกรละ รัฐกรณาฏกะ และรัฐทมิฬนาฑู ทำให้พบยอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในรัฐเหล่านี้