ฟอร์บส์เผยเศรษฐีไทยปีนี้ ทรัพย์สินลดเเต่ยังทำเพื่อสังคม

ฟอร์บส์ เผยวิกฤติโควิด ทำทรัพย์สินเศรษฐีไทยลดลงรวมกว่า 9.24 แสนล้านบาท แต่ยังสละทรัพย์ช่วยสู้วิกฤติโควิด-19

ในช่วงวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ถือเป็นวิกฤตใหญ่ครั้งร้ายแรงในประวัตศาสตร์โลกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา กระทบทั้งธุรกิจใหญ่ กลาง เล็ก จนหลายแห่งปิดกิจการ กระทบคนหาเช้ากินค่ำ ไม่ว่ารวย หรือจน กระทบคนทุกระดับ ทำให้นาทีนี้ การรวมใจ ทำสิ่งที่แต่ละภาคส่วนทำได้ เพื่อสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญทั้งโลกจึงได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่เข้ามาส่งต่อความดีงามให้กับสังคม

บรรดามหาเศรษฐีนักธุรกิจเหล่านี้ต่างเป็นพลังขับเคลื่อนในการร่วมลดผลกระทบโลกไปด้วยกัน แม้ธุรกิจจะกระทบหนักจนแทบพยุงไว้ไม่ไหว แต่ด้วยการรวบรวมมันสมอง และกำลังที่เหลืออยู่ ภาคธุรกิจชั้นนำและมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจชั้นแนวหน้าทั่วโลกที่ไม่ได้นิ่งดูดายต่างระดมสรรพกำลังเข้ามาทั้งช่วยผลิตและบริจาคสิ่งจำเป็นทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างเร่งด่วนจนกลายเป็นพลังแถวหน้าร่วมกับภาครัฐของแต่ละประเทศในการร่วมต่อสู้วิกฤตโควิด-19

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ล่าสุดเว็บไซต์ FORBES.COM สื่อดังระดับโลกเผยแพร่บทความล่าสุด Billionaire Tracker: Actions The World’s Wealthiest Are Taking In Response To The Coronavirus Pandemic โดยนำเสนอให้เห็นว่าบรรดามหาเศรษฐีชั้นนำได้เข้ามาช่วยโลกรับมือวิกฤตโควิด-19 และพยุงเศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีเบอร์ต้นของโลกอย่าง “บิลล์ เกตส์” ที่เคยออกมาเตือนถึงโรคระบาดครั้งใหญ่ได้บริจาคเงินหลายล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยสนับสนุนการผลิตวัคซีนและวินิจฉัยโรค เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีทุกวงการในสหรัฐฯและทั่วโลก ซึ่งฟอร์บสได้รวบรวมมาว่ามหาเศรษฐีชั้นนำทั่วโลกที่ต่างบริหารธุรกิจจนประสบความสำเร็จสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งนี้พวกเขาได้ออกมาช่วยเหลือสังคมอย่างไรบ้างในยามวิกฤตนี้
ภาพจากอีจัน
ซึ่งหนึ่งในนั้นฟอร์บส รายงานว่า นายธนินท์ได้เปิดตัวโครงการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับสังคมจากวิกฤตโควิด-19 หลายโครงการและถือเป็นแนวคิดริเริ่มครั้งแรกไม่ว่าจะเป็น การทุ่มงบประมาณสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรีให้ทุกคน โดยตั้งเป้าจะเร่งผลิตให้ได้วันละ 100,000 ชิ้น หรือเดือนละ 3 ล้านชิ้น เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ขณะเดียวกันได้มอบชุดป้องกันการติดเชื้อเพื่อแพทย์ พยาบาล และบุคลากรโรงพยาบาล ตลอดจนมีโครงการจัดส่งอาหารฟรีให้บุคลากรโรงพยาบาลรัฐกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ และกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักบริเวณ รวมทั้งการประกาศว่าจะไม่มีการขึ้นราคาสินค้าในสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ นอกจากนี้ได้มีการรวบรวมโครงการเพื่อสังคมที่กลุ่มซีพีได้ดำเนินการในช่วง 4 ปีที่ผ่านมากว่า 450 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเงินบริจาคและอาหารยามวิกฤตน้ำท่วม ทุนการศึกษา โครงการผิงกู่ และการลงทุนให้สังคมด้านการศึกษา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ฟอร์บสได้รวบรวมและรายงานให้เห็นภาพของกลุ่มธุรกิจ และมหาเศรษฐีชั้นแนวหน้าของโลกที่ทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อร่วมกู้วิกฤตโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรมจำนวนเกือบร้อยคน นอกจาก “บิลล์ เกตส์” แล้วยังมี “แจ็ก หม่า” ผู้ร่วมก่อตั้งอาณาจักร Alibaba ได้ให้คำมั่นว่าจะมอบเงิน 14 ล้านเหรียญสหรัฐฯในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 นอกจากนี้เขายังบริจาคชุดทดสอบโรค 500,000 ชุดและหน้ากากอนามัย 1 ล้านชิ้นให้กับประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา รวมทั้งได้ส่งเวชภัณฑ์และชุดทดสอบโรคไปยังอิตาลี และประเทศอื่น ๆ ทั่วแอฟริกา ละตินอเมริกา เอเชีย และล่าสุดได้จัดตั้ง Global MediXchange สำหรับการรวมองค์ความรู้โควิด-19 เพื่อแบ่งปันข้อมูลกับแพทย์ทั่วโลก ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระหว่างการแพร่ระบาด ขณะที่เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ แห่ง LVMH เจ้าของแบรนด์ หลุยส์ วิตตอง ได้แปลงโรงงานน้ำหอมสามแห่งของ LVMH เพื่อผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อล้างมือแจกจ่ายให้กับหน่วยงานของฝรั่งเศสและระบบโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปฟรี ทั้งยังจัดหาหน้ากากอนามัยอย่างน้อย 40 ล้านชิ้นให้กับฝรั่งเศสโดยจ่ายเงินประมาณ 5.4 ล้านดอลลาร์ (5 ล้านยูโร) สำหรับการจัดส่งในสัปดาห์แรก
ภาพจากอีจัน

ส่วนเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรเฟซบุ๊ก “มาร์ค ซักเคอเบิร์ก” ได้ร่วมพามูลนิธิของเขาทำงานร่วมกับ UC San Francisco และ Stanford University เพื่อเร่งวินิจฉัยโรค ตลอดจนซื้อเครื่องตรวจวินิจฉัยที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA นอกจากนี้ยังประกาศมอบเงิน 100 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้ และได้บริจาคเงิน 20 ล้านดอลลาร์ให้กับสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ขณะเดียวกันยังประกาศจะบริจาคเงินสำรองฉุกเฉินเพื่อซื้อหน้ากากจำนวน 720,000 ชิ้น ให้กับเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพ และจะทำงานเพื่อหาแหล่งบริจาคอีกนับล้านต่อไป

ภาพจากอีจัน

ฟาก “เจฟฟ์ เบโซส” เจ้าของอาณาจักรแอมาซอน ลงทุนจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการ AWS Diagnostic Development Initiative เพื่อสร้างชุดการทดสอบโควิด-19 รวมทั้งยังช่วยสนับสนุนการจ้างงานเต็มเวลาและพาร์ทไทม์ 100,000 ตำแหน่งทั่วสหรัฐอเมริกา ตลอดจนเพิ่มค่าจ้างรายชั่วโมงในอเมริกาและทั่วโลก โดยแอมาซอนยังบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนฉุกเฉินโควิด-19 ในวอชิงตัน ดี.ซี. และสร้างกองทุนบรรเทาทุกข์ 5 ล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และบริจาค 1 ล้านดอลลาร์ให้กับมูลนิธิซีแอตเทิลใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสระบาดด้วย ขณะที่ “ลี กา-ชิง” นักลงทุนผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในเอเชียบริจาคเงิน 13 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือเมืองอู่ฮั่น เป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของโรค ขณะเดียวกันมูลนิธิของเขายังได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยจำนวน 250,000 ชิ้น ให้กับองค์กรสวัสดิการสังคมและที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในฮ่องกง