สธ. เตรียมตั้ง รพ.ศูนย์กลางรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทุกจังหวัด

สธ. เตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลศูนย์กลางรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทุกจังหวัด นำร่องพื้นที่ที่ยอดผู้ป่วยยังเพิ่มสูง

3 เมษายน 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นำนายแพทย์แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ตรวจเยี่ยมห้องคัดกรอง และตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

นายอนุทิน เผยว่า รัฐบาลได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ด้านการรักษาพยาบาล ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายมีตัวเลขที่สูงขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้โรงพยาบาลราชวิถี วางแผนบริหารจัดการโรงพยาบาล และ Hospitel เพื่อดูแลผู้ป่วยทั้งระบบ

ภาพจากอีจัน

จากการตรวจเยี่ยมพบว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครมีจำนวนเตียงในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 1,551 เตียง จาก 86 โรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มั่นใจว่าเพียงพอรองรับผู้ป่วย

อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงแรมเข้ามาร่วมดูแลผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าสังเกตอาการเพิ่มอีกกว่า 200 เตียง จากก่อนหน้านี้ที่มีกว่า 400 ห้องพัก ทำให้มั่นใจว่าระบบการบริหารจัดการเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยในกรุงเทพมหานครจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ภาพจากอีจัน

นานอุทิน บอกด้วยว่า ได้มอบนโยบายให้แต่ละจังหวัดจัดตั้งโรงพยาบาลกลางประจำจังหวัดรักษาเฉพาะผู้ป่วยโควิด-19 ตามรูปแบบของโรงพยาบาลราชวิถี ดูแลบริหารจัดการทรัพยากรเครือข่ายการรักษาเช่นเดียวกับพื้นที่กรุงเทพมหานคร เน้นจังหวัดที่มีอัตราผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูง

ภาพจากอีจัน

ทั้งนี้ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ได้กล่าวยืนยันมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ รวมทั้งการที่รัฐบาลออกประกาศควบคุมเวลาการออกจากเคหสถาน เพื่อหวังลดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ มีการทำงานที่บ้านมากขึ้น ลดการประชุม การห้ามเดินทางเข้าออกในแต่ละจังหวัด ลดจำนวนผู้เดินทางที่มาจากต่างประเทศ ชะลอการเดินทางจากประเทศที่สุ่มเสี่ยงติดเชื้อ

หรือแม้กระทั่งไม่ให้มีการแอบรวมกลุ่มจัดงานเลี้ยงรื่นเริง ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อที่อาจทำให้ตัวเลขยังคงเพิ่มสูงขึ้นได้อีก เพราะการพบผู้ป่วยที่ยังคงเพิ่มขึ้นสาเหตุใหญ่ยังมาจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งหากเว้นระยะห่างกันได้อย่างเข้มงวด จะช่วยให้การควบคุมการระบาดทำได้ดีขึ้น        

ภาพจากอีจัน

จากนั้น นายอนุทิน และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบเงิน จำนวน 60 ล้านบาท จากนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ และครอบครัว บริษัทเมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาล 7 แห่ง ได้แก่
1.โรงพยาบาลรามาธิบดี
2.โรงพยาบาลศิริราช
3.โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
4.สถาบันบำราศนราดูร
5.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
6.โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
7.โรงพยาบาลราชวิถี
พร้อมกันนี้ นานอนุทิน ได้กล่าวขอบคุณผู้มีจิตศรัทธา ในนามรัฐบาลไทย และบุคลากรทางการแพทย์สาธารณสุข จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการต่อสู้กับสถานการณ์โรคโควิด-19 ตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาคต่อไป