ภูเก็ต ปิดราไวย์ – กะรน เป็นพื้นที่เสี่ยงแพร่เชื้อโควิด-19

ผู้ว่าฯ ภูเก็ต สั่งปิด ราไวย์ – กะรน เป็นพื้นที่เสี่ยงแพร่เชื้อโควิด-19 มีผลตั้งแต่ 6 เม.ย. 63 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

(5 เม.ย. 63) นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ออกหนังสือประกาศด่วน 2 เรื่อง คือ ปิดสถานที่และกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 พื้นที่ตำบลราไวย์ และ พื้นที่ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

โดยคำสั่งปิดพื้นที่ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ดังนี้

จากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดภูเก็ตพบว่ายังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเทศบาลตำบลราไวย์มีหนังสือเสนอมาตรการแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามหนังสือเทศบาลตำบลราไวย์ ที่ ภก 52801.8/608 ลงวันที่ 3 เมษายน 2563 อาศัยอำนาจตามความในตามมาตรา 22 มาตรา 34 (7) และมาตรา 35 (1) (2) (3) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อ 7 (1) ประกอบข้อ 1 ข้อ 10 ข้อ 11 และข้อ 13 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 16/2563 เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2563 จึงออกคำสั่งไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 เนื่องจากพื้นที่ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันมิให้โรคนั้นแพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้อื่น จึงห้ามประชาชนเข้าไปหรือออกจากพื้นที่ดังกล่าว เว้นแต่ ยานพาหนะสำหรับการขนส่งสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องมือแพทย์ ยานพาหนะกู้ชีพ กู้ภัย รถพยาบาล รถฉุกเฉินทางการแพทย์ รถที่ใช้สำหรับภารกิจของทางราชการ รถขนส่งพัสดุและสิ่งพิมพ์ ทั้งนี้ ผู้ได้รับอนุญาตยกเว้นหรือผ่อนผันต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อโดยเคร่งครัด

ข้อ 2 กำหนดจุดตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ตามแผนที่แนบท้ายคำสั่ง ดังนี้
(1) จุดตรวจคัดกรองบริเวณรอยต่อตำบลกะรน – ตำบลราไวย์ ตั้งอยู่ ณ หมู่ 1 และหมู่ 7 ถนนรอบเกาะ ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต
(2) จุดตรวจคัดกรองบริเวณหน้าห้างโลตัสสาขาราไวย์ ตั้งอยู่ ณ ถนนวิเศษ ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต
โดยมอบหมายให้อำเภอเมืองภูเก็ต สถานีตำรวจภูธรฉลอง และเทศบาลตำบลราไวย์ จัดประกอบกำลังเป็นชุดปฏิบัติการประจำจุดตรวจคัดกรองดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ ให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอที่นายอำเภอมอบหมายในพื้นที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำจุดตรวจคัดกรองดังกล่าว และผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรฉลองหรือผู้ที่ผู้กำกับมอบหมายเป็นรองหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำจุดตรวจคัดกรองดังกล่าว

ข้อ 3 ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อพิจารณาตรวจคัดกรองบุคคลที่ผ่านจุดตรวจคัดกรองตามข้อ 2 เพื่อป้องกันและควบคุมโรคตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563

ภาพจากอีจัน

ข้อ 4 มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ดังต่อไปนี้

(1) ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตร่วมกับอำเภอภูเก็ต และเทศบาลตำบลราไวย์จัดบุคลากรเข้าไปตรวจวัดไข้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตำบลราไวย์ทุกคน หากพบผู้ใดมีอาการซึ่งเข้าข่ายที่ต้องเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตอาการ ยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด
(2) ให้เทศบาลตำบลราไวย์ ทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ ถนน บ้านพักอาศัย ร้านค้าในเขตพื้นที่ตำบลราไวย์ โดยการฉีดฆ่าเชื้อทั้งหมดทุกหลังคาเรือน
(3) ตามที่จังหวัดได้มีคำสั่งปิดโรงแรมแล้วตามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 1797/2563 ลงวันที่ 2 เมษายน 2563 หากมีโรงแรมใดในพื้นที่ตำบลราไวย์ จำเป็นจะต้องให้พนักงานเข้าไปปฏิบัติงานด้านการบัญชี การซ่อมบำรุง หรืออื่น ๆ ให้โรงแรมจัดหาที่พักภายในโรงแรมให้พนักงานจนกว่าจะปฏิบัติหน้าที่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายพนักงานซึ่งอาจเป็นพาหะในการกระจายของโรค แต่หากมีพนักงานคนใดมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตจังหวัดและประสงค์จะกลับภูมิลำเนา ให้โรงแรมแจ้งรายชื่อพนักงานให้หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำด่านตรวจจังหวัดภูเก็ต (ท่าฉัตรไชย) พิจารณาเป็นรายกรณี ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 เมษายน 2563

ข้อ 5 ขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่มิให้ออกนอกเคหสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตน เพื่อป้องกันตนเองจากการรับเชื้อและอาจเป็นพาหะในการกระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปยังบุคคลอื่นอีก

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1)

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ภาพจากอีจัน
สำหรับคำสั่งปิดพื้นที่ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ดังนี้ จากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดภูเก็ตพบว่ายังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา 2019 ตำบลกะรนได้เสนอมาตรการแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามหนังสือเทศบาลตำบลกะรน ที่ ภก 52501/470 ลงวันที่ 3 มีนาคม 2563 อาศัยอำนาจตามความในตามมาตรา 22 มาตรา 34 (7) และมาตรา 35 (1) (2) (3) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อ 7 (1) ประกอบข้อ 1 ข้อ 10 ข้อ 11 และข้อ 13 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 16/2563 เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2563 จึงออกคำสั่งไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 เนื่องจากพื้นที่ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันมิให้โรคนั้นแพร่โดยทางตรงหรือทางอ้อมไปยังผู้อื่น จึงห้ามประชาชนเข้าไปหรือออกจากพื้นที่ดังกล่าว เว้นแต่ ยานพาหนะสำหรับการขนส่งสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องมือแพทย์ ยานพาหนะกู้ชีพ กู้ภัย รถพยาบาล รถฉุกเฉิน ทางการแพทย์ รถที่ใช้สำหรับภารกิจของทางราชการ รถขนส่งพัสดุและสิ่งพิมพ์ ทั้งนี้ ผู้ได้รับอนุญาตยกเว้นหรือผ่อนผันต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อโดยเคร่งครัด

ข้อ 2 ปิดสถานที่จอดรถรับ – ส่ง ผู้โดยสารของรถยนต์รับจ้างสาธารณะ (คิวรถ) โดยห้ามมิให้รถยนต์รับจ้างสาธารณะวิ่งรับ – ส่ง ผู้โดยสารในพื้นที่ตำบลกะรนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ข้อ 3 กำหนดจุดตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ตามแผนที่แนบท้ายคำสั่ง ดังนี้
(1) จุดตรวจคัดกรองบริเวณจุดชมวิว 3 อ่าว (Karon View Point) ตั้งอยู่ ณ ถนนวิเศษ ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต
(2) จุดตรวจคัดกรองบริเวณปากทางเข้าหาดฟรีด้อม (ใกล้ทางเข้าโรงแรมเลอเมริเดียน ภูเก็ต บีช รีสอร์ต) ตั้งอยู่ ณ ถนนวิเศษ ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต
(3) จุดตรวจคัดกรองบริเวณเนินกะตะ (ก่อนถึงแยกโคกโตนด) ตั้งอยู่ ณ ถนนวิเศษ ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต

ภาพจากอีจัน

โดยมอบหมายให้อำเภอเมืองภูเก็ต สถานีตำรวจภูธรกะรน และเทศบาลตำบลกะรน จัดประกอบกำลังเป็นชุดปฏิบัติการประจำจุดตรวจคัดกรองดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ ให้นายอำเภอหรือปลัดอำเภอที่นายอำเภอมอบหมายในพื้นที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำจุดตรวจคัดกรองดังกล่าว และผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรกะรนหรือผู้ที่ผู้กำกับมอบหมายเป็นรองหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำจุดตรวจคัดกรองดังกล่าว

ข้อ 4 ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อพิจารณาตรวจคัดกรองบุคคลที่ผ่านจุดตรวจคัดกรองตามข้อ 2 เพื่อป้องกันและควบคุมโรคตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563

ข้อ 5 มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังต่อไปนี้
(1) ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตร่วมกับอำเภอภูเก็ต และเทศบาลตำบลกะรน จัดบุคลากรเข้าไปตรวจวัดไข้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตำบลกะรนทุกคน หากพบผู้ใดมีอาการซึ่งเข้าข่ายที่ต้อง เฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกตอาการ ยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด
(2) ให้เทศบาลตำบลกะรน ทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ ถนน บ้านพักอาศัย ร้านค้าในเขตพื้นที่ตำบลกะรน โดยการฉีดฆ่าเชื้อทั้งหมดทุกหลังคาเรือน
(3) ตามที่จังหวัดได้มีคำสั่งปิดโรงแรมแล้วตามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 1797/2563 ลงวันที่ 2 เมษายน 2563 หากมีโรงแรมใดในพื้นที่ตำบลกะรน จำเป็นจะต้องให้พนักงานเข้าไปปฏิบัติงานด้านการบัญชี การซ่อมบำรุง หรืออื่น ๆ ให้โรงแรมจัดหาที่พักภายในโรงแรมให้พนักงานจนกว่าจะปฏิบัติหน้าที่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายพนักงานซึ่งอาจเป็นพาหะในการกระจายของโรค แต่หากมีพนักงานคนใดมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตจังหวัดและประสงค์จะกลับภูมิลำเนา ให้โรงแรมแจ้งรายชื่อพนักงานให้หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำด่านตรวจจังหวัดภูเก็ต (ท่าฉัตรไชย) พิจารณาเป็นรายกรณี ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 7 เมษายน 2563

ข้อ 6 ขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่มิให้ออกนอกเคหสถานหรือบริเวณสถานที่พำนักของตน เพื่อป้องกันตนเองจากการรับเชื้อและอาจเป็นพาหะในการกระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปยังบุคคลอื่นอีก

หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1)
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ภาพจากอีจัน