จากกรณีสภากาชาดไทยเปิดรับบริจาคเลือดเเละพลาสม่าของผู้ป่วยที่หายเเล้ว เพื่อนำไปเป็นเซรุ่มเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิดที่มีอาการหนัก ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าพลาสม่าคืออะไร เเละจะใช้รักษาผู้ป่วยอย่างไร วันนี้จันมีคำตอบ
สภากาชาดให้ข้อมูลว่า การบริจาคโลหิต แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1.การบริจาคโลหิตรวม สามารถนำไปแยกเป็นส่วนประกอบโลหิตชนิดต่างๆ ได้แก่ พลาสมาเกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดง เพื่อนำไปใช้กับผู้ป่วย และได้ตรงตามอาการของผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ
2. การบริจาคโลหิตเฉพาะส่วนจากผู้บริจาครายเดียว ซึ่งเป็นการบริจาคโดยผ่านเครื่องแยกส่วนประกอบโลหิตอัตโนมัติ ได้แก่ การบริจาคพลาสมา เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดง
ซึ่งคุณสมบัติของผู้บริจาคโลหิตเฉพาะส่วนจะแตกต่างจากผู้บริจาคโลหิตรวมทั่วไป
ปกติผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อไวรัส ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานมาปกป้องตัวเอง ทางการแพทย์จึงนำภูมิต้านทานนั้น มารักษาผู้ป่วยที่กำลังติดเชื้อไวรัสตัวเดียวกัน โดยการเอา “พลาสมา” มาทำเป็น “เซรุ่ม”
แต่ “พลาสมา” ที่กำลังขอรับบริจาคกันอยู่ขณะนี้ จะอยู่ในเลือด ไม่ได้มาจากต่อมน้ำเหลืองอย่างที่แชร์เข้าใจผิดกัน
เมื่อแยกส่วนประกอบของเลือดออกจะพบ เลือดแดงที่อัดแน่น (packed red cells) เกล็ดเลือด (platelet) และ พลาสมา (plasma) ซึ่งเป็นน้ำสีเหลืองใส ที่รวมของโปรตีนทุกชนิดในร่างกาย
ดังนั้นการบริจาคพลาสมา ก็มีวิธีการเหมือนกับการบริจาคเลือด เพียงแต่จะนำเลือดไปเข้าเครื่องปั่นแยกส่วนประกอบอีกที
ผู้ที่หายจากโควิด-19 ไปนับร้อยคนแล้ว อยากให้มาช่วยกันไปบริจาคกันมากๆ
ทางการแพทย์ก็จะนำไปทำเป็น“เซรุ่ม” ช่วยผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการหนัก ซึ่งโลกได้ใช้วิธีนี้มานานนับร้อยปีแล้ว ตัวอย่างเช่น เซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เซรุ่มไวรัสตับอักเสบบี
ขอบคุณข้อมูลจาก vacine
- 7 วิธี แก้ไขข้อมูลลงทะเบียนบัตรประชาชน รับเงิน 5 พันบาท #เราไม่ทิ้งกัน ให้ถูกต้อง
- กรมอนามัย แนะวิธีทิ้งหน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี
- สิ่งที่ลูกจ้างและนายจ้างต้องทำ เพื่อรับผลประโยชน์ทดแทน หลังหยุดงานเพราะโควิด