ผู้ว่าฯประจวบคีรีขันธ์ ประกาศห้ามขายแอลกอฮอล์ทุกชนิด ถึงวันที่ 30 เม.ย.63

ผู้ว่าฯ ประจวบฯ สั่งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดจนถึง 30 เม.ย.63 ยกระดับมาตรการป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19

(10 เม.ย.63) คำสั่งใหม่จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุด นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มีคำสั่งให้สถานที่ที่จำหน่ายสินค้าทั้งปลีกและส่ง ปิดพื้นที่หรือบริเวณจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ในประกาศระบุข้อความว่า

ภาพจากอีจัน
“คำสั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เรื่องปิดสถานที่หรือพื้นที่ หรือบริเวณจำหน่ายสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด

ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มีคำสั่งให้ปิดสถานที่ชุมนุมและสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดต่างๆ รวมถึงโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 ทุกประเภท และสถานประกอบการที่ให้บริการในลักษณะเดียวกันไว้เป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ทั้งได้มีคำสั่งเกี่ยวกับมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ปรากฏว่าสถานการณ์ยังคงมีแนวโน้มการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องนั้น

อ่านข่าวเก่า

เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานเฝ้าระวังควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็วและป้องกันการเกิดเหตุร้ายแรงเพิ่มเติม โดยคำนึงถึงโอกาสเสี่ยงในการติดต่อของโรคและความจำเป็นของประชาชน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และข้อ 1 และข้อ 7 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 จึงมีคำสั่งดังนี้

ให้สถานที่ที่จำหน่ายสินค้าทั้งปลีกและส่ง ปิดพื้นที่หรือบริเวณจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดถึงวันที่ 30 เมษายน 2563

อนึ่ง การดำเนินการตามคำสั่งนี้เป็นไปตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 จึงไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาทางปกครองตามมาตรา 16 ของพระราชกำหนดดังกล่าว

หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 9 เมษายน 2563
นายพัลลภ สิงหเสนี
ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์”

ภาพจากอีจัน