นครศรีธรรมราช ปลดล็อกร้านเสริมสวย-ตัดผม เปิดให้บริการได้ 16 เม.ย. 63

ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช ผ่อนผันให้เปิดร้านตัดผมได้ เริ่ม 16 เมษายนนี้

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2563 นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงนามในคำสั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช เรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยให้ปิดห้างเทสโก้โลตัส สาขานครศรีธรรมราช เป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563 ถึงวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563 เว้นแต่ในส่วนที่เป็นแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต แผนกขายยา แผนกอาหาร แผนกสินค้าเบ็ดเตล็ดอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิต สถาบันการเงิน ธนาคาร และศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือและระบบสื่อสาร ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563

ภาพจากอีจัน

รวมถึง กำหนดมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ถ้าเทียบเรืออำเภอเมืองนครศรีธรรมราชตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2563 จนถึงวันที่ 24 เมษายน 2563

(1) กำหนดให้เรือประมงทุกประเภทเข้าออกตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 20.00 น.
(2) ให้เรือทุกลำที่จะเข้าเทียบท่าเรือแจ้งศูนย์ควบคุมการเข้า-ออกเรือประมงทุกประเภทล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง เพื่อประสานเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในการตรวจคัดกรองบุคคล
(3) ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อบูรณาการกับหน่วยงานอื่นเพื่อคัดกรองบุคคลตามแนวทางการปฏิบัติของกรมควบคุมโรคโดยเคร่งครัด

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีมติให้เปิดร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผม และสถานเสริมความงาม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว หลังจากถูกประกาศให้ปิดชั่วคราวมาตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 โดยกำหนดมาตรการให้ผู้ประกอบการปฏิบัติดังนี้

1.จัดให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคมของผู้รับบริการ (Social Distancing) อย่างน้อย 2 เมตร

2.ให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส ก่อนให้บริการผู้มารับบริการรายต่อไป

3.ผู้ประกอบการหรือผู้ให้บริการ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า

4.จัดให้มีแอลกอฮอล์เจล หรือที่ล้างมือด้วยสบู่ ก่อนและหลังการรับบริการ

ภาพจากอีจัน
หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558