จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดภูเก็ตพบว่ายังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกระจายเป็นวงกว้างทั่วบริเวณจังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ได้ออกประกาศและคำสั่งเพื่อกำหนดมาตรการในการระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น เพื่อให้การยกระดับมาตรฐานในมาตรการการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง และมีคำสั่งปิดพื้นที่ตำบลปาตอง อำกอกะทู้ พื้นที่ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต พื้นที่ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต พื้นที่ตำบลกะทู้อำเภอกะทู้ พื้นที่ตำบลลอง อำเภอเมืองภูเก็ต และพื้นที่ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง รวม 6 ตำบลไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ล่าสุด 9 เม.ย.63 ได้มีคำสั่ง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ในฐานะผู้กำกับการการบริหารราชการในสถานถนการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ออกประกาศให้ปิดพื้นที่รอยต่อระหว่างตำบลทุกตำบล เพื่อควบคุมให้มีการเคลื่อนย้ายบุคคลและยานพาหนะให้น้อยที่สุด ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยกเว้นบุคคลที่มีความจำเป็นเพื่อการพบแพทย์ การรักษาพยาบาล การปฏิบัติหน้าที่แพทย์ พยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ โทรคมนาคมและไปรษณีย์ หรือบุคคลที่เป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ของทางราชการ หรือรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นๆของรัฐที่จำเป็นต้องปฏิบัติงานเพื่อให้บริการประชาชน หรือบุคคลทั่วไปที่มีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งซึ่งจะต้องเดินทางโดยต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมายและยกเว้นยานพาหนะ เพื่อการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์โทรคมนาคม แก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง อุปกรณ์ทางการแพทย์เครื่องมือแพทย์ยานพาหนะกู้ชีพ กู้ภัยรถพยาบาลรถฉุกเฉินทางการแพทย์รถที่ใช้สำหรับภารกิจของทางราชการ รถขนส่งพัสดุและสิ่งพิมพ์
โดยให้นายอำเภอเป็นผู้มีอำนาจในการกำหนดจุดตรวจคัดกรองภายในเขตพื้นที่ โดยให้หารือร่วมกับผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ ทั้งนี้ให้พิจารณากำหนดจุดตรวจคัดกรองให้เกิดความเหมาะสมไม่เป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อ ยานพาหนะที่สัญจรไปมาจัดประกอบกำลังเพื่อปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจคัดกรอง ตั้งแต่เวลา 00.01น.ของวันที่ 13 เมษายน - เวลา 23.59 น.ของวันที่ 26 เมษายน 2563 รวมทั้งสิน 14 วัน หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ขอความร่วมมือให้ประชาชนพักอาศัยอยู่ในเคหสถานหรือที่พำนักของตนโดยให้มีการเดินทางออกนอกเขตเคหสถานหรือที่พำนักของตนให้น้อยที่สุดเพื่อลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ทั้งนี้มอบหมายให้อำเภอร่วมกับองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นจัดเตรียมความพร้อมเพื่อการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว โดยให้ประชาชนมีผลกระทบน้อยที่สุด ตามแนวทางและมาตรการที่จังหวัดจะแจ้งให้ทราบเป็นลำดับต่อไป
ให้นายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมายผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่หรือผู้ที่ผู้กำกับมอบหมาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ตลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้า และห้ามมิให้มีการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ หากพบผู้กระทำความผิดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด
มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตร่วมกับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดบุคลากรเข้าไปตรวจวัดไข้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตำบลทุกคน หากพบผู้ใดมีอาการซึ่งเข้าข่ายที่ต้องเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องถูกส่งไปแยกกักกักกันหรือคุมไว้สังเกตอาการ ยังสถานที่ที่จังหวัด ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่รับผิดชอบทำความสะอาดสถานที่สาธารณะถนน บ้านพักอาศัยร้านค้าในเขตพื้นที่รับผิดชอบโดยการฉีดฆ่าเชื้อทั้งหมดทุกหลังคาเรือน
และตามที่จังหวัดได้มีคำสั่งปิดโรงแรมไปก่อนหน้านี้แล้วนั้นหากมีโรงแรมใดในพื้นที่จำเป็นจะต้องให้พนักงานเข้าไปปฏิบัติงานด้านการบัญชีการซ่อมบำรุง หรืออื่นๆ ให้โรงแรมจัดหาที่พักภายในโรงแรมให้พนักงานจนกว่าจะปฏิบัติหน้าที่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายพนักงานซึ่งอาจเป็นพาหะในการกระจายของโรค และต้องแจ้งจำนวนและรายชื่อพนักงานที่พักภายในโรงแรมให้ที่ทำการปกครองอำเภอทราบ เพื่อตรวจคัดกรองผู้เข้าพักทุกคน หากผู้เข้าพักคนใดมีอาการเข้าข่ายที่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องถูกส่งไปแยกกัก กักกันหรือคุ้มไว้สังเกตอาการ ยังสถานที่ที่จังหวัดกำหนด
ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ทราบและจัดเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในระยะเวลาประมาณ 14 วันโดยให้ชี้แจงทำความเข้าใจ ถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องขอความร่วมมือให้ประชาชนอาศัยอยู่ในเคหสถานหรือที่พำนักของตน อย่าให้เกิดความตระหนกต่อการดำเนินการในครั้งนี้การดำเนินการตามคำสั่งฉบับนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตทุกคน เพื่อให้การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยุติลงโดยเร็วที่สุด
หากผู้ใดฝาฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1)
คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 13 เมษายน – ถึงวันที่ 26 เมษายน 2563 หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย