แรงงานไทยในมาเลฯ ว่ายน้ำข้ามทะเลหนีกลับสตูล เพราะคิดถึงบ้าน

หนุ่มชาวสตูล ไปทำงานที่มาเลฯ ยอมเสี่ยงว่ายน้ำข้ามทะเลเข้าประเทศไทย หวังกลับบ้าน


14 เม.ย.63 พ.ต.ท. บรรเจิด มานะเวช สว.สถานีตำรวจน้ำ 3 กก.9 บก.รน. เปิดเผยว่า คดีที่ นายรัตนพล พันอุ่น. อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดสตูล. ซึ่งเป็นแรงงานไทยในประเทศมาเลเซีย มีอาชีพเป็นลูกเรือชาวประมง ได้หนีออกประเทศมาเลฯ ว่ายน้ำข้ามทะเลเพื่อกลับประเทศไทย โดยเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หลบหนีเข้าช่องทางธรรมชาติ ผิดกฎหมายโดยมิได้รับอนุญาตผ่านแดน พร้อมส่งต่อให้ฝ่ายปกครองสอบสวนต่อไป

ภาพจากอีจัน
ซึ่ง นายรัตนพล ติดค้างอยู่ในประเทศมาเลเซียหลังจากไปทำงานที่นั้น จึงได้คิดหนีว่ายน้ำข้ามทะเล กลับมายังจังหวัดสตูลบ้านเกิดของตน ซึ่งได้ใช้วิธีการหนีโดยการเดินหลบมาตามรอยต่อชายแดนน่านน้ำไทยเป็นเวลา 2 วัน และตัดสินใจว่ายน้ำข้ามบริเวณคลองกำเขา แต่ปรากฏว่าว่ายข้ามไม่ได้เพราะช่วงกลางทะเลน้ำไหลแรง ในระหว่างนั้นมีเรือชาวประมงล่องมา นายรัตนพล จึงขอความช่วยเหลือและเกาะขอบเรือวิ่งเข้าฝั่งมาในจังหวัดสตูล เพราะเจ้าของเรือไม่กล้าให้ขึ้นมาบนเรือ กลัวโรคโควิด – 19 หลังจากนั้นทางผู้นำชุมชนจึงแจ้งตำรวจน้ำไปรับตัวทันทีและส่งตัว นายรัตนพล มาที่โรงพยาบาลฉุกเฉินและไปคัดกรองสแกนป้องกันโควิด – 19 ซึ่งตรวจร่างกายพบว่าไม่มีไข้ ทางโรงพยาบาลสตูลจึงทำการกักตัว 14 วัน
ภาพจากอีจัน
โดยนาย นายรัตนพล ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ว่า เขาอยู่ประเทศมาเลเซียมา 20 วันแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้กลับเลย และยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่อยู่รวมกันรอวันกลับไทย ตกค้างอยู่ที่รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย เขาไม่รู้ว่าจะได้กลับไทยเมื่อไหร่จึงตัดสินใจหนี จากชายแดนสตูล กับรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซียห่างกันประมาณ 10 กิโลเมตร โดยเขาว่ายน้ำข้ามทะเลประมาณ 100 กว่าเมตร ไปที่เกาะปูยู ตำบลปูยู อำเภอเมือง และเดินจากรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซียจากถึงแนวเขตแดน 4 กิโลเมตรซี่งเป็นป่ากร้างแล้วก็ว่ายน้ำข้ามมายังเขตแดนไทย
ภาพจากอีจัน
อย่างไรก็ตามด้วยวิกฤตแบบนี้การหนีไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง แต่การหนีออกนอกประเทศแบบนี้คือการเพิ่มภาระให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และตัวเอง ทุกปัญหามีวิธีแก้ที่ถูกต้องเสมอนะคะ เป็นกำลังใจให้กับคนไทยที่ยังติดค้างอยู่ตามต่างประเทศนะคะ สู้ๆค่ะ