วานนี้ (14 เม.ย.2563) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า
การศึกษาที่ตีพิมพ์บนเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (UM) เมื่อวันที่ (13 เม.ย.63) ชี้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาอาจไม่ถึงเลขสามหลักในช่วงปลายเดือนมีนาคม หากสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรคในช่วงหลายทศวรรษก่อนหน้านี้
การวิเคราะห์พบว่าประเทศที่บังคับให้ฉีดวัคซีนบีซีจี หรือวัคซีนป้องกันวัณโรค มีอัตราเพิ่มขึ้นช้าว่าประเทศอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านยอดผู้ติดเชื้อและการเสียชีวิต
ยกตัวอย่างจากสหรัฐฯ นักวิจัยคาดการณ์ตามแบบจำลองว่าสหรัฐฯ จะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 94 ราย ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 4 ของจำนวนผู้เสียชีวิตจริงที่ 2,467 ราย ในวันที่ 29 มี.ค.
การศึกษาเพิ่มเติมพบว่าการฉีดวัคซีนอาจถูกมองว่าเป็นการกระทำเอื้อสังคม (prosocial act) ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนสามารถรับการคุ้มครองนานพอกับผู้ที่ฉีด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ได้บังคับฉีดวัคซีนบีซีจี
มาร์ธา เบิร์ก (Martha Berg) หัวหน้าผู้เขียนงานวิจัยและนักศึกษาปริญญาโทด้านจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนกล่าวว่า บีซีจีอาจมีประสิทธิภาพเมื่อสัดส่วนของประชากรจำนวนมากมีบทบาทในการต่อต้านไวรัส กล่าวคือ การแพร่กระจายของไวรัสอาจช้าลงเมื่อมี “ภูมิคุ้มกันฝูง” ที่ป้องกันไวรัสจากการแพร่กระจายในหมู่ประชากรอย่างง่ายดาย
การศึกษาดังกล่าวตั้งบนหลักฐานที่มีมาก่อนหน้านี้ว่าการฉีดวัคซีนบีซีจี ซึ่งโดยปกติจะฉีดให้เด็กแรกเกิดหรือในช่วงวัยเด็กนั้น มีผลในการป้องกันที่ยาวนาน ไม่เพียงแต่ป้องกันวัณโรค หากยังป้องกันโรคติดเชื้ออื่นๆ ด้วย
การศึกษานี้มีข้อจำกัดบางประการ เช่นบางประเทศอาจมีข้อมูลจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ที่แม่นยำกว่าประเทศอื่น นอกจากนี้ เนื่องจากวัคซีนบีซีจีจะฉีดในช่วงต้นของชีวิต จึงไม่แน่ชัดว่าการฉีดวัคซีนให้กับผู้ใหญ่อาจมีประสิทธิภาพเท่ากันหรือไม่ หรือการฉีดวัคซีนนั้นจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 นานเท่าใด
“ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่อาจสรุปได้ว่าวัคซีนบีซีจีจะมีผลข้างเคียงใด หากฉีดให้กับผู้ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 อยู่แล้ว” เบิร์กกล่าว “มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม”
- อิหร่านใช้พลาสมารักษาด้วยพลาสม่าอดีตผู้ติดเชื้อ ลดการเสียชีวิตได้
- สื่อนอกเผยภาพ คนไทยเว้นระยะ ปรับตัวสู้โควิด-19
- ประกันสังคมไฟเขียว จ่าย 8 พัน ให้ผู้ประกันตน ม.33