จุฬาราชมนตรี ประกาศให้ถือศีลอดตามปกติ การแพร่ระบาดโควิด ไม่เป็นอุปสรรคในการถือศีล

จุฬาราชมนตรี ประกาศฉบับที่ 4 มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอน

(15 เม.ย.63) จุฬาราชมนตรี ออกประกาศฉบับที่ 4 เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่าด้วยการปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1441 พ. ศ. 2563 ว่า

“ตามที่ได้มีประกาศจุฬาราชมนตรีเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2563 ,ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2563 และฉบับที่ 3 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 เพื่อให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องมุสลิมนั้น เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวยังคงพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง จึงยังมีผลในทางปฏิบัติต่อไปและในช่วงระหว่างวันที่ 24-25 เมษายน 23 – 24 พฤษภาคม 2563 นี้ จะตรงกับเดือนรอมฎอนที่มุสลิมต้องปฏิบัติศาสนกิจการถือศีลอดและการทำกิจกรรมต่างๆในเดือนที่สำคัญยิ่งนี้ ซึ่งจะมีการรวมตัวกันเป็นหมู่คณะ ณ มัสยิด เคหะสถานหรือสถานที่ที่จัดเตรียมไว้และในสถานการณ์ที่ยังคงพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องนี้ จึงจำเป็นต้องกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อ ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนี้

1. การดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1440 (พ.ศ.2563) นี้ ให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเท่านั้น
2.การถือศีลอดเดือนรอมฎอนให้ถือปฏิบัติตามปกติที่บทบัญญัติศาสนากำหนด ยกเว้นผู้ที่ได้รับผ่อนผันตามหลักการศาสนาเท่านั้น ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019ไม่ได้เป็นอุปสรรคให้งดการถือศีลอดแต่อย่างใด ตลอดจนการกลืนน้ำลายที่ไม่เจือปนเศษอาหารที่อยู่ในช่องปาก ก็ไม่ได้ทำให้การถือศีลอดบกพร่องแต่อย่างใด กลับเป็นการรักษาร่างกายและลำคอให้ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่ควรถมน้ำลายในสถานที่สาธารณะโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อในสภาวการณ์ปัจจุบัน
3.งดการจัดเลี้ยงอาหารละศีลอดที่มัสยิด เคหสถานหรือสถานที่ที่จัดเตรียมไว้หากมีความประสงค์ก็จะให้ จัดทำอาหารปรุงสุกที่บ้านและจะใส่ภาชนะบรรจุภัณฑ์ให้ถูกต้องตามสุขลักษณะและแจกจ่ายให้แก่เพื่อนบ้านและญาติใกล้ชิดแทนการจัดเลี้ยงที่มารวมกันเป็นหมู่คณะ
4.กรณีสมาชิกในครอบครัวละศีลอดหรือรับประทานอาหารร่วมกัน ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารในภาชนะร่วมกันและนั่งห่างกันอย่างน้อย 1 เมตรล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร
5.งดการเอี๊ยะติก๊าฟและการละหมาดญะมาอะห์ที่เป็นซุนนะห์ (สุนัต) ประเภทต่างๆในค่ำคืนของเดือนรอมฎอนได้แก่การละหมาดตะรอเวียะห์ การละหมาดวิตร์ (วิเต็ร)และการละหมาดตะฮัจญุด ตลอดจนกิจกรรมการรวมตัวอื่นๆที่มัสยิดหรือในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้
6.ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแจ้งไปยังมัสยิดในการสร้างความเข้าใจเรื่องการจ่ายซะกาตฟิตร์ และฟิตยะห์ล่วงหน้า ที่สามารถกระทำได้ตั้งแต่เข้าสู่เดือนรอมฎอนโดยให้มัสยิดเป็นผู้รวบรวมและขอให้สัปปุรุษทุกคนร่วมมือในการมอบซะกาตฟิตร์และฟิตยะห์ ดังกล่าวให้กับมัสยิดเพื่อนำไปช่วยเหลือครอบครัวที่เดือดร้อนในสถานการณ์ปัจจุบัน

อนึ่งสำหรับการละหมาดอีฎิ้ลฟิตร์และการจัดกิจกรรมในวันดังกล่าวจะประกาศมาตรการให้ทราบในโอกาสต่อไป

ขอให้พี่น้องมุสลิมทุกคนมีความอดทนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและขอให้ใช้โอกาสแห่งเดือนรอมฎอนอันประเสริฐนี้ ปฏิบัติศาสนกิจให้ครบถ้วนสมบูรณ์และขอตุอา ต่ออัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า ทั้งนี้ให้ถือปฏิบัติตามมาตรการฉบับนี้และมาตรการทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวข้างต้นด้วยความเคร่งครัดจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

ประกาศ ณ วันที่ 14 เมษายน 2563
นายอาศิส พิทักษ์คุมพล
จุฬาราชมนตรี”

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน