ไม่รอด! ต้น โก๋หลอด แทงอริดับ หนีคดี 14 ปี

ตำรวจกองปราบฯ ตามรวบขาโจ๋ “ต้น โก๋หลอด” ใช้มีดไล่แทงคู่อริดับ หนีคดีนาน 14 ปี

กองบังคับการปราบปราม นำโดย พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.5 บก.ป. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ศุภเดช ธนชัยศิริ รองสว. กก.5 บก.ป, ด.ต.สมบัติ สองธานี, ส.ต.ท.ณัฐพงษ์ จันทร์ทอง และ ส.ต.ท.ณัฐดนัย ภาลา ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายคำใหม่ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดหนองคายที่ จ.113/2549 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2549 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายใจ และ ร่วมกันพาอาวุธ (มีดปลายแหลม) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหลบหนีคดีนาน 14 ปี

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2549 นายคำใหม่ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นวัยรุ่นขาโจ๋ประจำหมู่บ้าน มีฉายาว่า “ต้น โก๋หลอด” พร้อมด้วยเพื่อนกลุ่มวัยรุ่น ประมาณ 10 คน ได้ไปเที่ยวงานบุญประจำปีของหมู่บ้านที่ วัดพนาสณฑ์ (วัดบึงไพร) ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย โดยนายคำใหม่ และกลุ่มเพื่อน ได้ตั้งวงดื่มสุรากันภายในงานดังกล่าว จากนั้นนายคำใหม่ และกลุ่มเพื่อน ซึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา ได้เกิดมีปากเสียงกับกลุ่มวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง จนเกิดการชุลมุนชกต่อยกัน ซึ่งกลุ่มของนายคำใหม่ มีจำนวนคนน้อยกว่า จึงสู้กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวไม่ได้ นายคำใหม่ กับพวก จึงใช้อาวุธมีด ยาวประมาณ 4 นิ้ว ที่เตรียมมา ไล่แทงกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว เป็นเหตุให้ นายแสงระวี (ผู้ตาย) เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้นนายคำใหม่ และกลุ่มเพื่อน ได้แยกย้ายหลบหนีไป พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหา

ภาพจากอีจัน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนติดตามผู้ต้องหารายนี้ทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอาศัยที่บริเวณ หมู่ 5 ต.ปากท่อ อ.บางเลน จ.นครปฐม ต่อมาเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พบ นายคำใหม่ ผู้ต้องหา ที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 5 ต.บัวปากท่อ อ.บางเลย จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันแสดงตัว และแสดงหมายจับให้ดูและให้อ่านจนเข้าใจดีแล้ว ผู้ต้องหารับว่าตนเองเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตัวในคดีนี้มาก่อน และปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงจับกุมตัวและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป