สาวหลอกขายเช็ค ตุ๋นเงินเหยื่อ 80 ล้านบาท อ้างได้เช็คจากลูกค้า

ตำรวจ รวบ สาววัย 39 ปี ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” หลัง หลอกขายเช็คลดราคา ให้กับเหยื่อ อ้างได้เช็คจากลูกค้า ก่อนขึ้นเงินแล้วเช็คเด้ง เสียหายกว่า 80 ล้าน บาท

พ.ต.ท.เจตนิพัทธ์ ศิริวัฒน์ สว.กก. 1 บก.ป. พร้อมกับตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 12 กก.1 บก.ป. ร่วมกันจับกุม น.ส.อัปสรสิริ หรือ เจี๊ยบ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ จ.105/2563 ลง 26 ก.พ. 63 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” โดยสถานที่จับกุมคือ บริเวณซอยมไหยสวรรย์ 6 ใกล้สี่แยกถนนตก แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ

ภาพจากอีจัน

สืบเนื่องจากวันที่ 13 มิ.ย. 59 นางพูนทิพย์ฯ อายุ 40 ปี ผู้เสียหาย ได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก. 1 บก.ป. ว่า น.ส.เจี๊ยบ กับพวกอีก 4 คน ได้ร่วมกันโกงเงินประมาณ 80 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2559 โดยในคดีนี้ ตั้งแต่ช่วงระหว่างเกิดเหตุ น.ส.เจี๊ยบ เป็นผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด แห่งหนึ่ง ซึ่งได้นำเช็คอ้างว่าเป็นเช็คของลูกค้าที่จ่ายให้เป็นค่าจ้างทำงาน มาขายลดให้กับผู้เสียหาย เมื่อเช็คถึงกำหนดบางฉบับเรียกเก็บเงินได้ บางฉบับเรียกเก็บเงินไม่ได้ ในส่วนที่เรียกเก็บเงินไม่ได้ น.ส.เจี๊ยบ ได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้เสียหายเพื่อเคลียร์หนี้สิน และขอรับเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินคืนไป

ภาพจากอีจัน

ต่อมา น.ส.เจี๊ยบ ได้นำเช็คที่อ้างว่า เป็นบริษัทของลูกค้าจำนวน 4 ราย รวมเช็ค 280 ฉบับ มูลค่าประมาณ 80 ล้านบาทเศษ มาขายลดให้กับผู้เสียหายอีก โดยบอกว่าต้องการเงินไปทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพิมพ์ ผู้เสียหายหลงเชื่อรับซื้อเช็คไว้ในราคาประมาณ 64 ล้านบาทเศษ แต่เช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งหมด และได้มีการเจรจาเรื่องเงินที่เสียหายไป น.ส.เจี๊ยบ ได้ชำระเงินคืนให้เพียงบางส่วน แต่เมื่อผู้เสียหายได้ทำการตรวจสอบคนที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเช็คดังกล่าว ปรากฏว่าเป็นเครือญาติกับ น.ส.เจี๊ยบ ทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทห้างร้านใดๆ มีลักษณะเป็นการร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงให้หลงเชื่อ เพื่อให้ได้เงินจากผู้เสียหายไป จึงได้ร้องทุกข์กับทางกองปราบปรามให้ดำเนินคดี จนกระทั่งวันที่ 16 เม.ย 63 ตำรวจชุดจับกุมสามารถจับกุมตัว น.ส.เจี๊ยบ ได้ในที่สุด

ภาพจากอีจัน

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และอ้างว่าเป็นการทำธุรกิจและได้มีการพูดคุยกับผู้เสียหายมาโดยตลอด แต่ทั้งนี้ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด จะขอไปต่อสู้คดีในชั้นการพิจารณาของศาลต่อไป