อุตุฯ เตือน พายุฤดูร้อนจะกลับมาในวันที่ 23-25 เม.ย.63 ซัดอีสานก่อน!

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ช่วงวันที่ 20-22 เม.ย.63 ไทยตอนบนร้อนจัด และ 23-25 เม.ย.63 ไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนอีกครั้ง ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางพื้นที่ ควรระมัดระวัง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศในอีก 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 19 เมษายน 2563 – 25 เมษายน 2563 ว่า ในช่วงวันที่ 20 – 22 เม.ย. 63 ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก สำหรับภาคใต้จะมีฝนลดลง

ภาพจากอีจัน

ส่วนในช่วงวันที่ 23 – 25 เม.ย. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่า และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ซึ่งจะเริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 20 – 22 เม.ย. 63 หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนทำให้มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก ส่งผลทำให้บริเวณดังกล่าว มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนในช่วงวันที่ 23 – 25 เม.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 20 – 23 เม.ย. 63 อากาศร้อนถึงร้อนจัด
อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-43 องศาเซลเซียส
ส่วนในช่วงวันที่ 24 – 25 เม.ย. 63 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อนละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 20 – 22 เม.ย. 63 อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-41 องศาเซลเซียส
ส่วนในช่วงวันที่ 23 – 25 เม.ย. 63 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-37 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 20 – 23 เม.ย. 63 อากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-41 องศาเซลเซียส
ส่วนในช่วงวันที่ 24 – 25 เม.ย. 63 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 20 – 22 เม.ย. 63 อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-40 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 23 – 25 เม.ย. 63 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 – 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 20 – 23 เม.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 24 – 25 เม.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 – 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 20 – 23 เม.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่
ส่วนในช่วงวันที่ 24 – 25 เม.ย. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 – 30 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 20 – 23 เม.ย. 63 อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 24 – 25 เม.ย. 63 มีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส

ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 20 – 22 เม.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพ เนื่องจากอากาศที่ร้อนไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 23 – 25 เม.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย