วันนี้ (21 เม.ย. 63) เพจ INFOCOVID19 โพสต์ข้อความ เสียงสะท้อนของคนทั่วโลกเกี่ยวกับการรับมือ-ควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทย โดยมีข้อความว่า
เมื่อกล่าวถึงประเทศไทย นับตั้งแต่ล่าสุดที่มีผู้ติดเชื้อตัวเลข 3 หลัก คือ 111 ราย เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ก่อนที่ยอดผู้ติดเชื้อวันถัดมา หรือ 9 เมษายน ลงมาที่ 54 ราย และจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อ 20 เมษายน มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 27 ราย ไม่มีเสียชีวิต ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 47 ราย ตัวเลขเหล่านี้ ก่อให้เกิดเสียงสะท้อนความคิดเห็นจากต่างชาติตามมา
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แถลงข่าวเรื่อง “ไวรัสโควิด-19” นำผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า อเมริกาครองอันดับ 1 เป็นประเทศที่รับมือกับโรคระบาดได้ดีที่สุดในโลก และเอ่ยชื่อ “ไทยแลนด์” ที่ติดในอันดับ 6 เป็นประเทศกำลังพัฒนารายเดียวที่ติดท็อปเท็น และยังเป็นที่ 1 เอเชีย การจัดอันดับนี้เป็นการวัดดัชนีความมั่นคงด้านสาธารณสุขโลก ที่เห็นถึงความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาด
วิเคราะห์ 6 ส่วนสำคัญ ประกอบด้วย การป้องกันการตรวจจับ และรายงานความรวดเร็วในการโต้ตอบและรับมือระบบสาธารณสุข มาตรฐานการปฏิบัติตามบรรทัดฐานโลก และความเสี่ยงต่างๆ ไทยมีคะแนนรวม 73.20 คะแนน
ต่อมา 20 มีนาคม อนุทิน หารือกับ นพ.แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนอนามัยโลกประจำประเทศไทย ที่กล่าวชมมาตรการของไทย รับมือกับสถานการณ์ โรคโควิด-19 ได้อย่างดีเยี่ยม มีการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนได้เป็นประเทศแรก และยังติดตามผู้ติดเชื้อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อต่อได้อย่างทันท่วงที การที่กระทรวงสาธารณสุขใช้เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นประโยชน์ต่อการควบคุมได้ดีกว่าการใช้วัคซีน
ปลื้มใจ ต่างชาติชื่นชมประเทศไทย ควบคุม-รับมือโควิด-19 ได้ดีเป็นที่ 1 ในเอเชีย
เพจ INFOCOVID19 เผย ต่างชาติชื่นชมประเทศไทย หลังควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี เป็นอันดับที่ 1 ในเอเชีย และอันดับที่ 6 ของโลก
ภาพจากอีจัน
จากนั้น 14 เมษายน ประเทศไทยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมลดน้อยลงมาก องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ได้ชื่นชมไทยมีระบบการดูแลสุขภาพถึงระดับครอบครัว คือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 1,040,000 คน ทำให้ดูแลคนได้อย่างใกล้ชิด มาที่สื่อเยอรมนี โดยเมื่อ 10 มีนาคมที่ผ่านมา Andreas Gandzior เขียนลงเว็บไซต์ Berliner Morgenpost ระบุว่า รัฐบาลเยอรมนี ควรเรียนรู้จากไทยในการรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 สิ่งที่น่าชื่นชมคือ มาตรการต่อสู้รับมือกับโควิด-19 ของไทยที่ต่อเนื่องมากกว่าที่พบเห็นในกรุงเบอร์ลิน “ไม่ว่าจะเดินทางไปตรงไหนของกรุงเทพฯ ประชาชนส่วนใหญ่รวมถึงชาวต่างชาติส่วนหนึ่งต่างสวมใส่หน้ากากป้องกันตัวเอง มีขวดเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือตั้งวางไว้ ทุกคนต่างก็กดใช้ สิ่งที่พบเห็นได้มากที่สุดก็คือ ป้ายประกาศวิธีการปฏิบัติรับมือกับโรคโควิด-19 รวมทั้งมีการสั่งปิดเมือง ยกเลิกหรือเลื่อนกิจกรรมผู้คนมารวมตัวกันมากๆ แต่การให้ความรู้ และการเตรียมเจลแอลกอฮอล์ แม้จะดูมากเกินไปกลับเป็นสิ่งที่เรียกว่าความสม่ำเสมอต่อเนื่อง สมควรนำมาเป็นแบบอย่าง” #INFOCOVID19