กรมวิทยา-แพทย์ฯ เผย พบโควิดสายพันธุ์ B สายพันธุ์เดียวกับอู่ฮั่น มากที่สุดในไทย

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถอดรหัสพันธุกรรมผู้ป่วยโควิด-19 พบสายพันธุ์ B พันธุ์เดียวกับอู่ฮั่น ระบาดมากสุดในไทย ขณะ กลุ่ม A ที่พบในค้างคาว ยังไม่พบในประเทศไทย

วันนี้ (27 เม.ย. 63) จากกรณีที่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถอดรหัสพันธุกรรมผู้ป่วย COVID 19 จากผู้ป่วยเพศหญิงอายุ 61 ปี และผู้ป่วยหญิงอายุ 74 ปี แล้วพบว่า COVID-19 มีความใกล้เคียงกับไวรัสโคโรนาที่มาจากค้างคาว ถึง 88% และใกล้เคียงกับโรคซาร์ส เพียง 80% และมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่ไปจับกับมนุษย์ สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มสายพันธุ์ A ที่มาจากค้างคาว กลุ่มสายพันธุ์ B ที่กลายพันธุ์จากกลุ่ม A บางส่วน มาจากอู่ฮั่น กลุ่มสายพันธุ์ C เป็นกลุ่มที่กลายพันธุ์มาจากกลุ่ม B เล็กน้อย

ภาพจากอีจัน

ล่าสุด นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยว่า จากการถอดรหัสพันธุกรรมโควิด-19 ที่ระบาดในประเทศไทย จากผู้ติดเชื้อ 40 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ

กลุ่ม B ที่เกิดการกลายพันธุ์จากกลุ่ม A พบมากในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และการระบาดเป็นไปอย่างรวดเร็วนอกประเทศจีน โดยประเทศไทยพบถึงร้อยละ 85

กลุ่ม C ที่เกิดการกลายพันธุ์จาก กลุ่ม B โดยเริ่มพบการระบาดในยุโรปและสิงคโปร์ ในประเทศไทยพบร้อยละ 15

ทั้งนี้ กลุ่ม A ซึ่งเป็นเชื้อที่คล้ายกับเชื้อไวรัสโคโรนา ที่พบในค้างคาวและตัวนิ่ม ที่คาดว่าเป็นต้นกำเนิดของการระบาดในครั้งนี้ ยังไม่พบในประเทศไทย

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก โดยดูตำแหน่งความหลากหลายทางพันธุกรรม (polymorphism) ของสายพันธุ์โควิด 19 พบว่า กลุ่ม B และ C ที่ระบาดในไทย มี 3 สายพันธุ์หลัก คือ S, G และ V โดยสายพันธุ์ S พบมากที่สุด รองลงมาเป็น G และ V ตามลำดับ ทั้งหมดยังไม่มีข้อมูลทางวิชาการแสดงผลในการก่อโรคที่แตกต่างกัน และยังไม่สามารถระบุได้ว่า การกลายพันธุ์ทำให้ก่อโรครุนแรงหรือติดต่อไวขึ้น โดยการถอดรหัสพันธุกรรมโควิด 19 จะดำเนินการถอดรหัสจากตัวอย่างผู้ติดเชื้อทุกภูมิภาคของประเทศไทยให้ครบ 100 ราย เพื่อศึกษาการกระจายตัว ติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ และกลไกการก่อโรคของเชื้อต่อไป

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ซึ่งการถอดรหัสในอนาคตจะร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภากาชาดไทย การตรวจเชื้อโควิด 19 ในไทย มีห้องปฏิบัติการที่ผ่านการรับรองโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว 133 แห่ง ทำให้เข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้ง่าย มีการส่งตัวอย่าง และรายงานผลผ่านระบบออนไลน์ รายงานผลได้ภายใน 1 วัน สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในประเทศไทย ใช้วิธี RT – PCR ซึ่งเป็นการตรวจที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ เป็นการตรวจหารหัสพันธุกรรม ซึ่งมีความแม่นยำ รวดเร็ว พร้อมกันนี้จะเร่งพัฒนาการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธีตรวจทางน้ำลาย และ RT – LAMP

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน