วานนี้ (3 พ.ค.2563) เพจเฟซบุ๊กจุฬาราชมนตรี ประกาศ การผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) และแนวทางปฏิบัติ
ด้วยขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19ในประเทศไทยมีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง อันเนื่องมาจากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ โดยความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพของประชาชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งของพี่น้องมุสลิมในทุกพื้นที่ในการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของจุฬาราชมนตรี ดังนั้น เพื่อเป็นการผ่อนคลายมาตรการ งดการปฏิบัติศาสนกิจบางมาตรการตามลำดับขั้นตอนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 จึงพิจารณาเห็นควรผ่อนปรนให้มีการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) ตามมาตรการดำเนินการและแนวทางปฏิบัติดังต่อไปนี้
1.มาตรการดำเนินการให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดใช้ดุลยพินิจร่วมกับคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด โดยขอคำปรึกษาจากผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัด ในการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) เพื่อให้เป็นไปตามประกาศจุฬาราชมนตรี ฉบับนี้ (ฉบับที่ 5/2563) และมาตรการหรือคำแนะนำของทางราชการเกี่ยวกับการป้องกันโรค
2.แนวทางการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์)
2.1.สำหรับมัสยิด
2.1.1.ให้กรรมการอิสลามประจำมัสยิด หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่มาตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้ามัสยิด
2.1.2. ให้จัดวางเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไว้บริเวณประตูทางเข้ามัสยิด
2.1.3.งดใช้บ่อน้ำ (กอเลาะห์) หรืออ่างใหญ่ร่วมกัน
2.1.4.ให้ทำความสะอาดพื้นมัสยิดก่อนและหลังการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) ทุกครั้ง และไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ โดยให้เปิดหน้าต่างมัสยิด ผ้าม่าน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
2.1.5.ให้จัดทำเครื่องหมายจุดละหมาดที่สามารถระบุตำแหน่งได้โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างแต่ละจุด 1.5-2 เมตร
2.1.6.ให้ควบคุมทางเข้าออกมัสยิด และจัดระเบียบระยะห่างขณะเดินเข้าและเดินออกจากมัสยิดหลังเสร็จสิ้นการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์)
2.2.สำหรับผู้เข้าร่วมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์)
2.2.1.ให้อาบน้ำละหมาดจากที่บ้าน
2.2.2.ให้ใช้ผ้าละหมาด (ผ้าชะญาดะห์) ส่วนตัว โดยนำมาจากบ้าน
2.2.3.ให้ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ที่มัสยิดจัดเตรียมไว้
2.2.4.ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติศาสนกิจ
2.2.5.งดการสลามด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอด และการสัมผัสแก้ม โดยให้ยกมือพร้อมกล่าวสลามเท่านั้น
2.2.6.เด็กและสตรีให้งดการร่วมละหมาดวันศุกร์ (ณุมอะห์) ที่มัสยิด
2.2.7.หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก แม้จะมีอาการไม่มาก ให้งดการไปร่วมละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด
2.3.การปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ณุมอะห์)
2.3.1.ให้เว้นระยะห่างระหว่างแถวและในแถว 1.5-2 เมตร และให้ยืนตามจุดที่มัสยิดได้จัดทำเครื่องหมายไว้
2.3.2.ให้กระชับเวลาในการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) นับตั้งแต่อะชาน คุตบะห์และละหมาด ไม่เกิน 20 นาที
จึงใคร่ขอความร่วมมือมายังประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทุกจังหวัดได้แจ้งไปยังอิหม่ามทุกมัสยิดในสังกัดให้ปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ตามประกาศจุฬาราชมนตรีต่อไป
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวข้างต้นให้ถือปฏิบัติจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติหรือจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
- สัญญาณดี! หูเป่ยไม่พบผู้ป่วยโควิดใหม่ 30 วันติด
- ฝรั่งเศสขยายเวลา ภาวะฉุกเฉินถึง 24 ก.ค.63 หวั่นโควิดระบาดหนักอีกครั้ง
- หมอยง ชี้ผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 10 มาหลายวัน ก็ยังวางใจไม่ได้