นักวิจัยจีน เผย ต้นกำเนิดโควิด-19 อาจเกิดจากไวรัสในตัวนิ่ม-ค้างคาว ผสมกัน

คณะนักวิจัยของจีน พบเชื้อโควิด-19 อาจมีต้นกำเนิดจากการผสมกันของไวรัสในตัวนิ่ม-ค้างคาว

10 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ผลการศึกษาจากคณะนักวิจัยของจีน ที่ดำเนินการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมเชิงเปรียบเทียบ พบความเป็นไปได้ว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาจมีต้นกำเนิดจากการผสมกันของไวรัสในตัวนิ่มและไวรัสในค้างคาว โดยคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เซาท์ไชน่า (SCAU) และห้องปฏิบัติการเพื่อการเกษตรสมัยใหม่หลิ่งหนาน กว่างตง ได้เผยแพร่ผลการศึกษาดังกล่าวก่อนการตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ (Nature) เมื่อวันพฤหัสบดี (7 พฤษภาคม)

ภาพจากอีจัน
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ก่อให้เกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน มีลำดับทางพันธุกรรมเหมือนกับไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคซาร์ส (SARS) ในปี 2003 ซึ่งมีต้นกำเนิดในสัตว์ และไวรัสโคโรนาในค้างคาว (RaTG13) “ค้างคาวอาจเป็นโฮสต์กักตุนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ต่างๆ ส่วนคำถามว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีโฮสต์อื่นๆ หรือไม่ยังคงเป็นประเด็นคลุมเครืออันน่าสงสัยต่อไป” บทความการศึกษาฉบับก่อนแก้ไขระบุ ขณะเดียวกัน ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งคัดแยกมาจากตัวนิ่มในมาเลเซีย มีกรดอะมิโนเหมือนกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในยีนอี เอ็ม เอ็น และเอส ระดับร้อยละ 100, 98.6, 97.8 และ 90.7 ตามลำดับ ทั้งนี้ ตำแหน่งตัวรับ-ยึดเกาะ ภายในโปรตีนเอส (S protein) ของไวรัสโคโรนาในตัวนิ่ม มีลักษณะเหมือนกับของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แตกต่างกันตรงกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นตัวเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาเสริมว่า ไวรัสโคโรนาในตัวนิ่มถูกตรวจจับได้ในตัวนิ่มมาเลเซีย 17 ตัวจากทั้งหมด 25 ตัว ที่คณะนักวิทยาศาสตร์นำมาดำเนินการวิเคราะห์ ทั้งนี้การคัดแยกไวรัสโคโรนาที่มีความเกี่ยวพันกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างมากในตัวนิ่ม บ่งชี้ว่า ตัวนิ่มอาจมีศักยภาพเป็นโฮสต์ตัวกลาง ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ภาพจากอีจัน