อ.ธรณ์ แนะคนให้ “ตู้ปันสุข” อย่านำภาพการกอบโกย มาลดน้ำใจ

ผศ. ดร.ธรณ์ เล่าเจอมากับตัว คนโกยของในตู้ปันสุข ชี้ “น้ำใจ” ไม่จำเป็นต้องลดลงเมื่อเห็นการ “กอบโกย” เพราะ“น้ำใจ” เป็นสิ่งที่มีคุณค่า ยากที่จะมีอะไรมาแปดเปื้อน

หลังจากที่ประเทศไทยนำโมเดล ตู้ปันสุข ตู้ปันน้ำใจช่วยเหลือกันและกัน จากต่างประเทศ มาปรับใช้ ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเริ่มมีตู้โมเดลวางอยู่ตามหน้าบ้าน และสถานที่สาธารณะต่างๆ โดยใส่ของใช้ที่จำเป็นให้คนที่ลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านไปผ่านมานำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งถือเป็นน้ำใจในยามวิกฤติ และเป็นภาพที่สร้างความสุขในยามลำบากได้ดีที่สุด

ภาพจากอีจัน

แต่ผลตอบรับฟีดแบคที่เห็นมากกว่าความสุขใจ คือความหนักใจ เพราะคนที่มารอรับของ ต่างยื้อแย่งของ บางคนไม่แบ่งให้คนอื่นพาครอบครัวมาขนวันละหลายๆรอบ ซ้ำส่งผลถึงคนให้ โดยมีคนมาตระโกนถึงหน้าบ้าน เพราะมารอรับของแต่กลับไม่ได้ของ ซึ่งภาพเหล่านี้มันควรเป็นสิ่งตอบแทนของคนที่มีน้ำใจที่จะให้ แต่ก็มีคนที่เข้าใจและยอมทำตามกฎระเบียบ หยิบไปแต่พอดี มีก็มาแบ่ง ซึ่งเป็นภาพที่ดีและน่าเอาเป็นแบบอย่าง

ขณะเดียวกัน ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เผยอีกแง่มุมของการให้ หลังตนเจอมากับตัวชี้ถ้าความอยากให้ ไม่จำเป็นต้องลดน้อยถอยลงเมื่อเห็นการ กอบโกย
โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า
แถวบ้านผมมีตู้ปันสุขอยู่หนึ่งตู้ มีมานานก่อนโควิด-19 เป็นตู้แช่อย่างดี เปิดเครื่องตลอด บางทีผมก็จะเอาของมาใส่ไว้
วันนี้ธรรธแก้บนเอนซ์ติดกับเจ้าที่ที่บ้าน เสร็จแล้วผมถือไข่ต้มตั้งใจจะไปใส่ตู้ พอเดินมาใกล้ถึง มีสาวรายหนึ่งกำลังโกยบะหมี่ออกจากตู้

บะหมี่มาจากร้านค้าแถวนี้ ช่วยกันเอาของสดมาใส่ไว้เป็นประจำ ผมเหลือบดูถุงใส่บะหมี่ น่าจะมีสัก 20 ก้อนได้ เธอเหลือไว้ในตู้ 1 ก้อน

ผมรอจนเธอเดินจากไป จากนั้นก็เอาไข่ต้มใส่ไว้เต็มตู้ จากนั้นก็เดินไป 7 ซื้อปลากระป๋องมาอีกโหล นำกลับมาใส่ในตู้ ตอนมาอีกครั้ง ผมเห็นไข่พร่องไป 2-3 ฟอง แต่ไข่ที่เหลือยังคงอยู่ดี

เล่าให้เพื่อนธรณ์ฟังเพื่อบอกว่า “เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่” กับ “โลภโมโทสัน” มันเป็นของคู่กัน
แต่ความ “อยากให้” ไม่จำเป็นต้องลดน้อยถอยลงเมื่อเห็นการ “กอบโกย”
“น้ำใจ” คือความดีงาม เป็นสิ่งที่มีคุณค่า มากเกินกว่าจะมีอะไรมาทำให้แปดเปื้อนครับ 

ภาพจากอีจัน

หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น และกดแชรืออกไปจำนวนมาก ถือเป็นอีกหนึ่งความคิดที่ดี ในยามวิกฤตินี้ หากเรามีใจที่อยากให้อย่าไปปักใจคิดถึงผลแม้ว่ามันจะดีหรือแย่แค่ไหน