วันนี้ (14 พ.ค. 63) เพจเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” โพสต์ เกี่ยวกับข้อสังเกตและข้อควรระวังของโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยหมอมนูญ โพสต์ว่า โควิด-19 สายพันธุ์อิตาลี มีความดุร้ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆที่ระบาดในจีน และประเทศในเอเชียเมื่อ 8 สัปดาห์ก่อน โดยจากระบาดวิทยา กว่า 80% หากเทียบกับผู้ติดเชื้อทั่วโลก พบว่าเป็นยอดผู้ป่วยและจำนวนคนเสียชีวิตในประเทศอิตาลี ยุโรปตะวันตก และรัฐนิวยอร์ก ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาพจากอีจัน
โดยลอส อลาโมส Los Alamos นักวิจัยหนึ่งในห้องปฏิบัติการวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกประเทศสหรัฐฯ พบว่า ไวรัสโควิด-19 ที่อุบัติขึ้นในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีนเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ได้มีการกลายพันธุ์ที่ Spike (S)โปรตีน เริ่มต้นจากยุโรปในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ติดต่อกันได้ไวขึ้น และกำลังระบาดหนักในสหรัฐอเมริกา ณ ตอนนี้ พร้อมทั้ง ศาสตราจารย์หลี่ หลานจ้วง และนักวิจัยมหาวิทยาลัยหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ของจีน พบว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้กลายพันธุ์แล้วอย่างน้อยมากกว่า 33 สายพันธุ์ ได้ตรวจยีนลงลึกด้วยวิธี Ultra-deep sequencing และเลี้ยงเชื้อไวรัสโควิด 11 สายพันธุ์ในเซลล์เพาะเลี้ยง Vero-E6 cells ในห้องปฏิบัติการ โดยเปรียบเทียบเชื้อที่กลายพันธุ์ สามารถเพิ่มจำนวน 270 เท่า
ภาพจากอีจัน
อย่างไรก็ตามการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ cluster ที่สนามมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเซียนมวยหนึ่งคนที่รับเชื้อจากคนในครอบครัว ที่กลับจากประเทศอิตาลี ทำให้ยอดติดเชื้อพุ่งอย่างน้อย 270 กว่าคน เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน บ่งบอกถึงการติดต่อกันง่าย และความรุนแรงของเชื้อสายพันธุ์อิตาลี โชคดีที่ภาครัฐออกมาตรการถูกต้องและทันเวลาทำให้สามารถสกัดกั้นหยุดยั้งการระบาดของเชื้อสายพันธุ์นี้ได้ ถึงแม้เชื้อไวรัสโควิด-19 จะกลายพันธุ์ในอัตราช้ากว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ แต่การกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่องจะเพิ่มปัญหาในการพัฒนาวัคซีน วัคซีนที่ผลิตขึ้นอาจใช้ไม่ได้ผลในปีถัดไป เหมือนกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องผลิตขึ้นใหม่ทุกปี เพื่อให้ได้ผลต่อเชื้อที่กลายพันธุ์