สถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศยังคงรุนแรงและน่าห่วง!
วานนี้ 14 พ.ค. 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า งานวิจัยจากออสเตรเลียชี้ให้เห็นว่าชายชาวออสเตรเลียที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากต้องสงสัยว่าป่วยเป็นโรคติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะต้องเข้ารักษาตัวในแผนก
ผู้ป่วยหนัก (ICU) มากกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า มหาวิทยาลัยโมนาช (Monash University) ซึ่งเป็นผู้นำวิจัยวิเคราะห์ข้อมูลจากห้องไอซีย 76 แห่งทั่วประเทศ ที่รักษาผู้ป่วยที่ต้องสงสัยว่าป่วยเป็นโรคโควิด-19 จำนวน 149 ราย ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.
ข้อมูลเบื้องต้นจากการวิจัยที่ยังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน ชี้ให้เห็นว่าผู้ชายมีแนวโน้มเข้ารักษาตัวในแผนกไอซียู มากกว่าผู้
หญิงถึง 2 เท่า โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 67 % ต่อ 31 % ขณะที่ผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ 69 % ของผู้ป่วยทั้งหมดในแผนกไอซียู
ศาสตราจารย์แอนดรูว์ อูดี (Professor Andrew Udy) ผู้ช่วยผู้นำวิจัยของมหาวิทยาลัยโมนาช กล่าวกับสำนักข่าวซินหัว
ว่าผลลัพธ์เบื้องต้นที่ว่าผู้ป่วยโควิด-19 เพศชาย ต้องเข้ารักษาตัวในแผนกไอซียูมากกว่าผู้ป่วยเพศหญิง นั้นสอดคล้อง
กับรายงานจากประเทศอื่นๆ "นี่เป็นครั้งแรกที่เรามีข้อมูลที่สรุปจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวในไอซียูระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ในไอซียูรูปแบบการรักษาที่ได้รับ และจำนวนผู้รอดชีวิต" อูดีกล่าว
ภาพจากอีจัน
เขาเสริมว่าข้อมูลดังกล่าวยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับวิธีจัดลำดับความสำคัญของทรัพยากรทางการแพทย์
สำหรับผู้ป่วยโควิด -19 ที่มีอาการรุนแรงที่สุด
"จากมุมมองในระดับประเทศ ข้อมูลนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับรูปแบบการรักษา การดูแล และการดำเนินการ
ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อผู้ป่วยอาการรุนแรงที่สุด"
"ซึ่งหมายความว่าเราสามารถจังให้แพทย์ราบและปรับปรุงการรักษาตามข้อมูลที่จัดหาให้ตลอดจนประเมินการ
จัดสรรทรัพยากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเผชิญกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นฉับพลันในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้"
"ความสามารถในการรับมือกับการระบาดใหญ่ของระบบสุขภาพของเรา ส่วนหนึ่งอาจวัดได้จากความสามารถของ
แผนกไอซียูในการรับมือกับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงที่สุด"
ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ รายงานว่า ออสเตรเลียตรวจพบ
ผู้ป่วยโควิด-19 รวม 6,989 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 98 ราย เมื่อนับถึงเวลา 16.32 น. ตามเวลาประเทศไทย