เปิดคอนเสิร์ตไลฟ์สดระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลชัยภูมิ สู้โควิด-19

“ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง” เจ้าพ่อสายแดนซ์เท้าไฟระดับตำนาน เปิดคอนเสิร์ตไลฟ์สดระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลชัยภูมิ สู้โควิด

ในช่วงนี้ไม่ว่าใครต่างก็ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมถึงเจ้าพ่อสายแดนซ์เท้าไฟระดับตำนาน “ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง” ที่ทั้งงานเพลง และ งานแสดง ต้องหยุดทั้งหมด แต่ก็ขอใช้โอกาสนี้ทำดี โดยเจ้าตัวได้มาเปิดใจในรายการต้มยำอมรินทร์

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

โดยหนุ่มทัช ได้เผยว่าพิษโควิดทำให้หลายๆอย่างในชีวิตเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการใช้ชีวิตที่ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ทุกคนต้องเว้นระยะห่างเพื่อช่วยชาติ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ หนุ่มทัช รู้สึกอิ่มใจที่สุดในช่วงเก็บตัวนี้ คือ การที่ตัวเองได้ร่วมด้วยช่วยสังคม ด้วยการจัดคอนเสิร์ตแบบไลฟ์สดผ่านทางเพจของตัวเอง เพื่อระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลสู้โควิด – 19

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ซึ่งหนุ่ม “ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง” ได้เปิดใจว่า “จัดทำคอนเสิร์ตไลฟ์ผ่านเพจของผมเองครับ พร้อมกับมีเพื่อนๆศิลปินมาร่วมด้วยช่วยกันครับงานนี้ ซึ่งสิ่งที่เราตั้งใจทำขึ้นเพราะอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมช่วยเหลือนำเงินมาสมทุบทุนบริจาคมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ครับ ผมเลยคุยกับผู้จัดการ จัดทำไลฟ์คอนเสิร์ตผ่านเพจใน เฟสบุ๊คขึ้นมา โดยนำเพลงฮิตๆเก่าๆของผมเองมาร้อง ซึ่งก็ได้ผมตอบรับจากแฟนคลับดีมากๆเลยครับ โดย รายได้ส่วนหนึ่งที่เราไลฟ์เราก็ได้มอบกับโรงพยาบาลภูเขียวเฉลิมพระเกียรติ อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งก็ได้ส่งมอบเป็นที่เรียบร้อย ในตอนนี้เรายังรับบริจาคอยู่เรื่อยๆผ่านทางเพจของผมเอง touch natakuatoong”

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ทำเรื่องราวที่ดีต่อใจให้อิ่มบุญไปด้วยกันแล้ว แต่พอถูกถามถึงเรื่องหัวใจที่ทำไมยังไม่มีหวานใจมาอยู่ข้างเคียงสักที งานนี้ หนุ่มเท้าไฟ ทัช ก็ตอบแบบเสียงดังฟังชัดมาว่า “จริงๆแล้ว อายุขนาดนี้แล้วต้องมีแล้ว เพียงแต่ว่าเรายังหาคนที่เราดูอยู่ พูดคุยอยู่ ยังไม่ลงตัว จริงๆการแต่งงานเป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การแต่งงานเป็นสิ่งที่บอกให้ทุกคน รู้ว่าเรามีสถานะมีครอบครัวแล้ว แต่สำหรับผมการที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับใครสักคน คือ การเข้าใจกัน การให้อภัยกัน การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด การแต่งงานสำหรับผมไว้รอดูคนที่ใช่ในอนาคตครับ”
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
การกลับมาครั้งนี้ถือว่าเป็นการกลับมาอย่างผู้ให้จริงๆ เพราะเป็นการกลับมาร้องกลับมาเต้น เพื่อส่งต่อให้ผู้อื่นอย่างแท้จริง