(27 พ.ค. 2563) ตำรวจ สตม. แถลงการขยายผลจับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว ที่จังหวัดจันทบุรี โดยตำรวจได้ร่วมกันจับกุม นายไพศาล อายุ 51 ปี โดยกล่าวหาว่า “รู้ว่าคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาจำนวนอีก 10 ราย โดนข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง คือ รถยนต์ตู้โดยสารไม่ประจำทางยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนกรุงเทพมหานคร และ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซูง
ภาพจากอีจัน
คดีนี้ ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีกลุ่มขบวนการลักลอบนำคนต่างด้าวเพื่อเข้ามาและอยู่ในไทยโดยผิดกฎหมายซึ่งคนกลุ่มนี้ ลักลอบเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วและลักลอบกลับเข้ามาไทยอีกครั้งตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนด่านบ้านแหลม ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เพราะด่านนี้ตอนนี้มีการปิดเพราะโควิด-19 ระบาด
ครั้งนี้จะมีกลุ่มขบวนการดังกล่าว นำคนต่างด้าวเดินเท้าข้ามชายแดนฝั่งตลาดบ้านแหลม (ประเทศกัมพูชา) เพื่อเข้ามาในไทย ซึ่งจะเดินทางกันเป็นกลุ่มประมาณ 40 คน ในเวลากลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจค้น จับกุม
จากนั้น จะนำพาไปหลบซ่อนยังสวนลำไยของเกษตรกร และช่วงรุ่งสางจะนำรถยนต์บรรทุกเพื่อขนถ่ายรถยนต์ตู้โดยสารไม่ประจำทางเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อลักลอบเดินทางเข้าเมืองชั้นใน
ภาพจากอีจัน
กลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าว จะถือหนังสือเดินทางเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่หากมีการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าสังเกตการณ์ และพบรถยนต์ต้องสงสัยตามที่พลเมืองดีแจ้ง จึงเฝ้าวางกำลังสังเกตการณ์ จนกระทั่งถึงเวลาเกิดเหตุ พบรถยนต์ตู้โดยสารไม่ประจำทางผ่านมาด้วยความเร็วสูง เจ้าหน้าที่จึงได้ขี่ติดตาม จนมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่แสดงตัว ตรวจสอบพบ นายไพศาล ผู้ขับขี่รถยนต์ของกลาง ข้างในรถใส่สัมภาระต่างๆ มา และผู้โดยสารต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จำนวน 10 ราย มาด้วย สุดท้าย…ไม่รอด! ทั้งไทยทั้งต่างด้าว ถูกจับดำเนินคดีทั้งหมด 
ภาพจากอีจัน