กลายเป็นเรื่องเศร้า หลังจากผู้ร้องเรียน อ้างว่า นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ คือ เรียกรับเงินจากบริษัทยาและร้านค้า ร้อยละ 5 ในช่วงเดือนเมษายน 2561 ถึง เดือนตุลาคม 2561
ต่อมาสำนักงานองค์กรแพทย์ โรงพยาบาลขอนแก่น ประกอบด้วยคณะแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ สหสาขาวิชาชีพโรงพยาบาลขอนแก่น เดินทางมายื่นหนังสือเปิดผนึกถึง นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ขอให้พิจารณาเรื่องการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว
ล่าสุดวันนี้ 27 พ.ค. 2563 องค์กรแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และสหวิชาชีพโรงพยาบาลขอนแก่น กว่า 500 คน มอบดอกกุหลาบแดงให้กำลังใจ นายแพทย์ ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น หลังถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งมองว่าไม่มีความเป็นธรรมและไม่โปร่งใส
โดยหลังจากทางคณะกรรมการบริหารและบุคลากรโรงพยาบาลเข้ารับฟังข้อเท็จจริงและการเปิดใจจากทาง ผอ.รพ.ขอนแก่น ถึงกรณีที่มีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงถึงขั้นต้องออกจากราชการ
ด้านนายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอีจันว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องที่แพทย์ พยาบาล และบุคลากร ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนพี่น้อง ออกมาเคลื่อนไหวกันเองด้วยหัวใจ ไม่มีใครสั่งให้ทำ อาจเป็นเพราะทุกคนมองว่า การสืบสวนและการสอบวินัยร้ายแรงนั้น ไม่เป็นธรรม เพราะโดยส่วนตัวก็เห็นว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากประเด็นข้อสงสัยต่างๆที่มีประมาณ 8-10 ข้อนั้นมีการชี้แจงตามกระบวนการเรียบร้อยแล้วมีเพียงประเด็นเดียวทียังไม่เรียบร้อย
จนนำมาสู่การสอบวินัยร้ายแรงคือการรับบริจาคจากบริษัทฯยา ซึ่งในความเป็นจริงกรณีนี้ก็มีการชี้แจงไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เพราะทุกการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา โรงพยาบาลไม่ได้มีการร้องขอหรือเรียกรับ แต่เป็นการบริจาคด้วยความเต็มใจของผู้มีจิตศรัทธา และการรับบริจาคก็ดำเนินการตามระเบียบ เมื่อได้มาก็นำไปจัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดูแลประชาชนได้ ไม่มีสิ่งใดที่ผิดต่อระเบียบ โดยขณะนี้หนังสือรายชื่อคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนั้นมาถึงรพ.ขอนแก่นแล้ว และเห็นรายชื่อของคณะกรรมการแล้วว่ามีใครบ้าง ซึ่งมีบางท่าน ที่เคยมีปัญหาจนตนถูกย้ายออกนอกพื้นที่มาแล้วเมื่อปี 2561 แต่ก็ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่รพ.ขอนแก่นดังเดิม ซึ่งในเรื่องรายชื่อดังกล่าวนั้น จะทำหนังสือคัดค้านการตั้งกรรมการสอบวินัย ที่มีรายชื่อกรรมการรายดังกล่าว ไปยังกระทรวงภายใน 17 วัน เพื่อให้มีการเปลี่ยนตัวบุคคล เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ในเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้ขัดขวางการตรวจสอบของคณะกรรมการ ในขณะเดียวกันก็เชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนก็น่าจะถูกย้ายออกนอกพื้นที่อีกครั้ง ซึ่งก็ยินดีและพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบตามขั้นตอนตามกระบวนการที่โปร่งใสและยุติธรรม