สธ. ชี้ การอยู่รวมกลุ่มในร้านอาหาร-รถโดยสาร เสี่ยงติดโควิด-19

กระทรวงสาธารณสุข เตือน! อยู่รวมกลุ่มในพื้นที่จำกัด การระบายอากาศไม่ดีมีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 สูง

กระทรวงสาธารณสุข เตือนการอยู่รวมกลุ่มในพื้นที่จำกัด ระบบระบายอากาศแบบปิด และใช้เครื่องปรับอากาศ เช่น ร้านอาหาร รถโดยสารสาธารณะ ทุกคนต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเว้นระยะห่างให้ได้ 1-2 เมตร ยังคงเฝ้าระวังกลุ่มเดินทางกลับจากต่างประเทศ และค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 63 นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยในประเทศมีค่อนข้างน้อย ผู้ป่วยที่พบจำแนกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วย กลุ่มแรกเป็นคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศแล้วเข้าสู่สถานที่กักตัวเพื่อสังเกตอาการตามที่รัฐกำหนด หากมีอาการจะพบในช่วง 14 วันที่กักตัว ซึ่งจะส่งเข้าระบบการรักษา

ภาพจากอีจัน
ส่วนกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยรายเดิม อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายวิชาการมีข้อมูลสนับสนุนทำให้เชื่อว่าในประเทศไทยยังมีผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือแสดงอาการน้อยหลงเหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้กระทรวงสาธารณสุขยังต้องเฝ้าระวังและค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกต่อไป
ภาพจากอีจัน
ขณะเดียวกัน จากผลการศึกษาการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 โดยนักวิจัยชาวจีนจากศูนย์ควบคุมโรค มณฑลหูหนาน พบว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่กระจายได้ไกลถึง 4.5 เมตร บนรถโดยสารสาธารณะปรับอากาศ ทำให้ผู้โดยสารติดเชื้อได้หลายคนในช่วงเวลาเดียวกัน อีกทั้งงานวิจัยเกี่ยวกับการติดเชื้อในร้านอาหารช่วงแรกของการระบาดในประเทศจีนพบว่า การนั่งรับประทานอาหารในพื้นที่จำกัดที่มีระบบระบายอากาศแบบปิด และใช้เครื่องปรับอากาศที่อากาศไหลเวียนในพื้นที่จำกัด ก่อให้เกิดการติดเชื้อได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน เพราะทุกคนต้องถอดหน้ากากขณะรับประทานอาหาร เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้นด้วย จึงแสดงให้เห็นว่าในพื้นที่จำกัดที่มีระบบอากาศปิด และใช้เครื่องปรับอากาศ เช่น บนรถโดยสารปรับอากาศ รถโดยสารสาธารณะ ทุกคนต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างให้ได้ 1-2 เมตร บนโต๊ะอาหารอาจต้องมีฉากกั้นเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของละอองฝอย จึงเป็นที่มาของคำแนะนำให้ต้องนั่งแยกโต๊ะกันขณะรับประทานอาหารในร้านอาหารที่ระบบถ่ายเทอากาศแบบปิด ที่ใช้เครื่องปรับอากาศ
ภาพจากอีจัน
“นโยบายการควบคุมโรคของประเทศไทยที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเหมาะสมแล้ว แต่การจะประสบความสำเร็จต่อไปนั้นต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดร่วมกัน” นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าว