หญิงสาวเมืองหนองคาย ตกเป็นเหยื่อหนุ่มคลั่ง คืนเดียว 2 ราย ขี่รถจักรยานยนต์จะกลับบ้าน เจอชายหนุ่มขี่รถตามประกบ พยายามถีบรถหวังให้ล้ม หญิงรายแรกโชคดีรถกระบะตามหลังช่วยได้ทัน แต่ชายคนนี้เขาไม่หยุด เจอเหยื่อรายที่ 2 ทำแบบเดิม ลากสาวไปกระทืบซ้ำ
แบบนี้ก็ได้เหรอ ?
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น. ตำรวจชุดสืบสวน รับแจ้งจาก น.ส.ปรารถนา อายุ 24 ปี และ น.ส.วิไลพร อายุ 23 ปี ว่า ถูกชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบแล้วถีบรถล้มก่อนจะลงมาทำร้ายร่างกาย ตำรวจสืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายกฤษดา กลิ่นจันทร์ อายุ 24 ปี ชาว ต.ค่ายบกหวาน อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย วันที่ 4 มิ.ย.63 จึงติดตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก โดยมีหญิงทั้ง 2 ที่ตกเป็นเหยื่อมาชี้ตัวผู้ต้องหาด้วย
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สภ.เมืองหนองคาย เผยว่า เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกัน ขณะที่ น.ส.ปรารถนา ขี่รถจักรยานยนต์ ไปตามถนนถนนมิตรภาพหนองคาย-อุดรธานี พอมาถึงหน้าโชว์รูมรถแห่งหนึ่ง นายกฤษดา ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมา ก่อนจะขับประกบแล้วพยายามถีบรถของ น.ส.ปรารถนาให้ล้ม แต่ น.ส.ปรารถนามีสติดี ประคองรถได้และบีบแตรยาวเพื่อให้คนช่วย โชคดีที่มีรถกระบะขับตามหลังมาจึงเข้าช่วยได้ทัน ก่อนที่นายกฤษดาจะหลบหนีไป
แต่นายกฤษดายังไม่พอเท่านั้น กลับรถบนถนนมิตรภาพย้อนกลับเข้าตัวเมืองหนองคาย จนมาถึงหน้าโรงงานแลคตาซอย ช่วงบ้านโนนธาตุ เป็นจังหวะที่ น.ส.วิไลพร ขี่รถจักรยานยนต์ มาตามลำพัง นายกฤษดาก็ก่อเหตุแบบเดียวกัน แต่คราวนี้ รถของ น.ส.วิไลพร ล้มลงข้างทางนายกฤษดา จึงเข้าไปทำร้ายร่างกาย เตะตามลำตัวแขนขาไปหลายครั้ง น.ส.วิไลพร พยายามวิ่งหนี แต่นายกฤษดาก็ยังตามไปลากมาเตะต่อยอีก กระทั่งมีรถยนต์ขับผ่านมาและได้สาดไฟหน้ารถใส่ นายกฤษดาจึงหยุด แล้วขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป พลเมืองดีที่ขับรถยนต์จึงได้พา น.ส.วิไลพร ส่งโรงพยาบาลหนองคาย พบว่าร่างกายบอบช้ำหลายแห่ง
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
สอบสวน นายกฤษดา ให้การรับสารภาพว่า เสพยาบ้ามานาน วันเกิดเหตุตนขาดยา ไม่ได้เสพยาบ้ามาหลายวัน และทะเลาะกับแม่ จึงอารมณ์เสีย ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามถนนมิตรภาพ และก่อเหตุขึ้น โดยอ้างว่าตนทำลงไปเพราะขาดสติ อยากระบายความเครียดและอารมณ์โกรธที่มีต่อแม่ และไม่ได้ตั้งใจทำรุนแรงกับผู้หญิงทั้งสองคน
เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย แล้วควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป