พี่สาววันเฉลิมพ้อ ไม่รู้ชะตากรรมน้องชาย ขอเรียกร้องสิทธิ์เต็มที่

วันเฉลิมอยู่ที่ไหน? ครอบครัวยังรออย่างมีความหวัง พี่สาวพ้อ ไม่รู้ชะตากรรมน้องชาย ขอเรียกร้องสิทธิ์เต็มที่ “ให้เคสวันเฉลิมเป็นเคสถูกอุ้มหายที่จะไม่เงียบเหมือนที่ผ่านมา”

จากกรณีที่ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี เป็นนักกิจกรรมทางการเมือง และได้ลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 63 ก็มีข่าวใหญ่ของวันเฉลิมออกมา ว่าเขาถูกอุ้มจากคอนโดที่พักอาศัยในพนมเปญ
อ่านข่าว : #SAVEวันเฉลิม แฮชแท็กร้อนหลังผู้ลี้ภัยทางการเมืองถูกอุ้มหายลึกลับ

เป็นเวลากว่า 5 วันแล้ว ที่ไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมของวันเฉลิมเป็นอย่างไร ซึ่งเมื่อวานนี้(7 มิ.ย. 63) น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม ได้ออกหนังสือแถลงการณ์ในนามครอบครัวของวันเฉลิม เพื่อเรียกร้องขอให้ผู้ที่จับตัววันเฉลิมไป ปล่อยตัววันเฉลิมให้กลับมาอย่างปลอดภัย ซึ่งครอบครัวยังคงมีความหวังอย่างยิ่ง วันเฉลิมจะปลอดภัยดี

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ล่าสุดวันนี้ (8 มิ.ย. 63) น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิมหรือต้าร์ ได้เปิดเผยกับอีจันถึงเหตุการณ์ที่น้องชายถูกอุ้มหายว่า ช่วงนี้น้องชายกำลังจะทำธุรกิจและโครงการเกี่ยวกับเกษตรกรรมที่พนมเปญกับเพื่อนๆ ซึ่งต้าร์มีความสนใจในเรื่องของการเกษตรอยู่แล้ว เพราะเมื่อก่อนเคยเป็นหนึ่งในคณะทำงาน 60 ปี 60 ล้านความดี เพื่อในหลวง ซึ่งเป็นทฤษฎีผสมผสานของการเกษตร ต้าร์ก็เลยจะมีความรู้เรื่องนี้
ภาพจากอีจัน
จันจึงได้ถามกับ คุณสิตานัน ถึงการติดต่อกับวันเฉลิมด้วย ว่าตลอดเวลาตั้งแต่วันเฉลิมลี้ภัยไปอยู่ที่พนมเปญ ครอบครัวติดต่ออย่างไรบ้าง คุณสิตานัน บอกว่า ช่วง 3 ปีแรกที่ต้าร์ลี้ภัยไปอยู่ที่พนมเปญ ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเพราะโซเชียลมีเดียตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้ มาติดต่อได้หลังจาก 3 ปีแรก และติดต่อกันมาเรื่อยๆ แต่ช่วง 2 ปีมานี้ คุยกับต้าร์แทบทุกวัน ยิ่งช่วงตั้งแต่ต้นปี 2563 คุยกันทุกวัน วันหนึ่ง 3 รอบ 8 รอบก็ว่าได้ ซึ่งก็มีที่ต้าร์เคยบอกว่าเจอคนไทยแปลกหน้ามาที่คอนโดที่เขาอยู่เหมือน ช่วงระหว่างสิ้นปี 2562 มาต้นปี 2563 แต่ต้าร์ก็บอกว่าคงไม่มีอะไรหรอก ระมัดระวังตัวอยู่ แต่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรนั้นตนไม่รู้ เพราะตนกับต้าร์จะไม่คุยกันเรื่องการเมืองเลย คุยเฉพาะเรื่องครอบครัว การทำงาน สารทุกข์สุขดิบทั่วไป
ภาพจากอีจัน
4 มิ.ย. 63 วันสุดท้ายที่คุยกับวันเฉลิม คุณสิตานัน เล่าว่า ก่อนวันที่ 4 มิ.ย. 63 วันที่ต้าร์ถูกอุ้ม ครอบครัวก็ไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไรเลย เพราะวันนั้นตนก็คุยกับต้าร์เกือบทั้งวัน ซึ่งเหตุการณ์ในวันที่ต้าร์ถูกอุ้มหายไปตนก็ยังคุยกับต้าร์อยู่ คือตอนเช้าคุยกันแล้วต้าร์บอกว่าช่วงบ่ายมีไปประชุม พอหลังจากนั้นต้าร์ก็ไลน์มาบอกว่าเดี๋ยวมีเรื่องคุยด้วยอีกแต่ขอซื้อของที่มินิมาร์ทก่อน จากนั้นต้าร์ก็โทรไลน์มาแต่บอกว่าเดี๋ยวขอซื้อลูกชิ้นก่อน เสร็จแล้วจะกลับขึ้นคอนโด ซึ่งตอนที่กำลังคุยกันระหว่างซื้อลูกชิ้นก็คือจังหวะที่ต้าร์โดนกลุ่มอุ้มชาร์จตัว ตนก็ได้ยืนเสียงดังปัง แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าต้าร์เกิดอุบัติเหตุ แล้วก็มีเสียงชาวกัมพูชาแทรกเข้ามาในสาย ตนก็ยังเข้าใจว่าเป็นคนที่มามุงอุบัติเหตุ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงต้าร์ร้องว่า “โอ๊ยหายใจไม่ออกๆ” ตลอดเวลา ตนก็ยังร้องบอกให้ต้าร์ทุบหน้าอกจะได้หายใจออก เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ พอสายต้าร์ตัดไป ตนก็รีบพยายามติดต่อหาทั้ง 2 ไลน์ เพราะต้าร์ใช้โทรศัพท์ 2 เครื่อง แล้วก็ส่งไลน์ไปว่า “ให้แจ้งข่าวพี่ด้วยนะ พี่เป็นห่วง” แต่ก็เงียบสนิท ตนจึงพยายามติดต่อหาเพื่อนของต้าร์ที่จะทำโครงการเกี่ยวกับเกษตรด้วยกันที่นั่น บอกเขาว่าให้ไปดูต้าร์หน่อย เหมือนว่าต้าร์จะเกิดอุบัติเหตุ เขาก็เลยบอกว่าเดี๋ยวไปดูให้ ผ่านไป 20 นาที เพื่อนต้าร์โทรกลับมาหาบอกว่า ทำใจดีๆ นะ ต้าร์ถูกอุ้ม และจากที่เพื่อนเขาบอกก็คือว่า ตอนต้าร์ถูกอุ้มคนก็แตกตื่นกัน มี รปภ.พยายามเข้าไปช่วย แต่กลุ่มอุ้มมีอาวุธ ชักอาวุธออกมาเหมือนบอกว่าอย่ายุ่ง คนที่พยายามจะช่วยก็เลยถอยกันหมด คุณสิตานัน ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ครอบครัวกังวลมาก ถ้าเป็นไปได้ขอให้ต้าร์ยังมีชีวิตรอด คือต้องใช้คำนี้เลย เพราะว่าเวลามันล่วงเลยมาก็หลายวันแล้ว เราก็รู้กันอยู่ว่ายิ่งนานก็อาจจะเสียชีวิตแล้ว ตอนนี้เราแค่รอว่าให้มีการยืนยันมา ถ้ามีการยืนยันตนก็จะทำหน้าที่ของตน ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ตามสิทธิ์ที่เราควรจะมี ตอนนี้ข้อเรียกร้องของครอบครัววันเฉลิมก็คือ เป็นการเรียกร้องสิทธิ์ตามกระบวนการ เพราะตอนนี้หลายๆ ที่มูลนิธิหรือองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็ยื่นมาเข้ามาช่วย อย่างยูเอ็นก็ยื่นมือเข้ามาช่วยในเรื่องของทนายเรียกร้องสิทธิ์ ซึ่งครอบครัวก็ได้คุยกับทางทนายเรียกร้องสิทธิ์แล้ว เดี๋ยวจะมีไปยื่นหนังสือให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในประเทศไทย หลังจากนี้ก็จะมีการปรึกษากับทางทนายของยูเอ็นว่าจะดำเนินการอย่างไร ไปร้องเรียนที่ไหนบ้าง
ภาพจากอีจัน
“ ขอบอกว่าในเคสคนถูกอุ้มหายอื่นๆ ที่ผ่านมา แทบจะไม่มีสื่อหลักเล่นข่าวเลย มีเพียงนักข่าวอิสระหรือสื่ออิสระที่ทำข่าวออกมาบ้าง แต่สุดท้ายก็เงียบไป พี่ก็เลยอยากจะทำในเคสของวันเฉลิม น้องชายพี่ ให้มันเหมือนกับเหตุ จอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งอย่างเหตุของเขามันคือโดนกระทำซึ่งหน้า แต่ของวันเฉลิมมันเป็นการอุ้มหาย มันเป็นอาชญากรรมนะคะ ถ้าพี่นิ่งเงียบมันก็จะทำให้มีกรณีแบบนี้อีกเหรอ พี่ก็เลยอยากทำให้กรณีของวันเฉลิม เป็นเคสตัวอย่างที่พี่จะเดินเรียกร้องสิทธิ์เต็มที่ ” คุณสิตานัน กล่าว