อ้าวยังไงกันนี่? แม่ค้าหอยกลับคำไม่ได้ถูกตำรวจรีดเงิน อ้างเคยคบนายดาบฯ มาก่อน

แม่ค้าหอย อ้าง เคยคบนายดาบ ตร. ลั่นไม่ได้ถูกตำรวจไถเงิน แต่โอนคืนเพื่อใช้หนี้

คืบหน้าคดีแม่ค้าอาหารทะเล อ้างถูกดาบตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง เรียกไถเงินและอาหารทะเล หลังตนถูกจับข้อหาฝ่าเคอร์ฟิว ขณะเดินทางกลับจากไปรับซื้ออาหารทะเลในพื้นที่ อ.กันตัง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา โดยแม่ค้าคนดังกล่าวได้ต่อรองจนเหลือ 10,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว แต่ตัวแม่ค้าเองได้จ่ายเงินสดไปเพียง 5,700 บาท ตำรวจจึงยึดเอาอาหารทะเล และบังคับให้แม่ค้าแกะหอยนางรมให้กินแกล้มเหล้าในอาคารหลังเก่า ของ สภ.เมืองพัทลุง หลังเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นมีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนถึงพฤติกรรมของตำรวจคนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

ภาพจากอีจัน
ล่าสุดวันนี้ (8 มิถุนายน 63) นางสุนิษา อายุ 32 ปี แม่ค้าอาหารทะเลคนดังกล่าว เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ โดยให้การว่า ตำรวจได้ตั้งด่านจริง และนำตนมาที่ สภ.เมืองพัทลุง ในตอนนั้นตำรวจขอเพียงหลักฐานการขนส่งสินค้า “ซึ่งไม่ได้มีการเรียกเงินแต่อย่างใด” ส่วนสลิปที่โอนเงินให้กับ นายดาบตำรวจ ยศ พ.ต.ท. นั้นเป็นเงินที่ตนยืมมา ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2563 เพื่อไปจ่ายค่าปรับที่ศาลในคดีอาญา จึงได้โอนคืนนายดาบตำรวจคนนี้ไป เนื่องจากตนเคยคบหากับนายดาบคนนี้มาก่อน
ภาพจากอีจัน
ส่วนสาเหตุที่เป็นข่าวใหญ่โต เพราะสามีของตนไม่ทราบว่า ตนเคยคบหากับ ด.ต. คนดังกล่าวมาก่อน และสามีต้องการเงินจำนวน 10,000 บาท เพื่อไปผ่อนรถ แต่ตนบอกสามีไปว่า ตำรวจที่เอาเงินไป ตอนโดนจับเคอร์ฟิว สามีเลยโกรธ และเป็นคนโทรไปร้องเรียนสื่อมวลชน จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ภาพจากอีจัน
ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา กล่าวว่า คดีนี้ขอเวลาให้ตำรวจได้ทำงานสอบสวนสืบสวนในทุกด้านก่อน ซึ่งตอนนี้ได้ตามผู้อ้างว่าเป็นผู้เสียหายมาได้แล้ว และได้นำตัวมาสอบถามต่อหน้าผู้สื่อข่าวเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ทั้งนี้ตำรวจก็ต้องดูหลักฐานอย่างอื่นประกอบด้วย เช่น พยานหลักฐานและเอกสารที่สื่อนำเสนอ โดยหลังจากนี้จะสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทุกปาก รวมทั้งผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายด้วย โดยจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่าง
ภาพจากอีจัน
ส่วน นายดาบตำรวจ 3 ราย ได้สั่งย้ายไปอยู่ฝ่ายอำนวยการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง เพื่อไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพยานบุคคล พยานเอกสาร ในการช่วยเหลือตัวเองและพรรคพวก ขอให้พี่น้องประชาชนและผู้สื่อข่าวได้มั่นใจ แต่ถ้ามีพยานหลักฐานที่เข้าไปเกี่ยวข้องว่ามีส่วนได้เสียก็ไม่ต้องห่วง ตนจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดอย่างแน่นอน ทั้งนี้ท่าน ผบ.ตร. และ ท่านผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 มีการกำชับและติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง