วันที่ (14 มิ.ย. 63) ในช่วงวัย 10 ปี เราทุกคนทำอะไรกันอยู่บ้างครับ วัยนั้นเป็นคงเป็นวัยที่เล่นสนุกกับเพื่อนๆ ไม่มีเรื่องให้คิดมาก อยากกินขนมก็แค่ขอคุณแม่ ชีวิตดูมีความสุขดีนะครับ แต่วันนี้ (14 มิ.ย. 63) จันขอนำเรื่องราวของเด็กหญิงหนึ่งคน เธอมีชื่อว่า เด็กหญิงเอมวิกา โพธิ์ทอง อายุ 10 ปี เธอเป็นนักเรียนชั้น ป.4 ของ รร.แห่งหนึ่ง ใน จ.อ่างทอง ตอนนี้เธอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้ครอบครัว โดยสมาชิกในครอบครัวมีทั้งหมด 5 คน เธอ คุณพ่อ คุณแม่ และ น้องชายอีก 2 คน และสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยวัย 10 ปี ต้องมาทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากครอบครัวโดนไล่ที่อยู่อาศัย จึงต้องมาอาศัยอยู่บ้านญาติเป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นห้องพักขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร อยู่บริเวณใต้ถุนบ้าน แต่เคราะห์ช้ำพ่อของเธอ ต้องมาประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ ส่งผลให้ทำงานก่อสร้างไม่ไหว สมองเบลอๆ ทำให้ขาดรายได้
ส่วนคุณแม่ ก็ไม่มีงานทำ ทำให้ชีวิตของเธอต้องลำบาก ขาดรายได้ในการใช้จ่ายในครอบครัว แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อ เพื่อครอบครัวและตัวเธอเอง ทำให้เด็กหญิงวัย 10 ปี ต้องออกไปเก็บขวดตามถังขยะมาขาย และเอาเงินจากการขายขวด มาช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัว และเธอยังได้ใช้โทรศัพท์ของแม่ แชทเข้าไปในกลุ่มไลน์โควิด-19 เพื่อขออาหารมาช่วยประทังชีวิต
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
เด็กหญิงเอมวิกา เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวของเธอลำบาก เธอเองก็ช่วยเหลือแม่ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งออกไปเก็บขวดตามถังขยะมาขายเป็นรายได้ 10-20 บาทต่อวัน รวมทั้งรับจ้างถอนผมหงอกให้แก่ผู้สูงอายุแล้วแต่จะเมตตาให้เงิน โดยหลังจากพ่อประสบอุบัติเหตุ สมองเบลอๆ ทำงานไม่ไหว ขาดรายได้อยากได้ชุดนักเรียน และเสื้อผ้าให้น้องๆ และตัวเอง เพราะใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ด้าน นางสาวอรสา ผู้เป็นแม่เล่าว่า ตนเองถูกไล่ที่ และได้มาทำห้องพักอาศัยอยู่ใต้ถุนบ้านญาตินานร่วมปีแล้ว และในช่วงนี้สามีที่ทำงานก่อสร้างก็เกิดอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ สมองยังคงหลงๆ ลืม ทำงานไม่ได้ ส่วนในช่วงโควิด-19 นั้นได้เงินช่วยเหลือเข้ามาก็หมดไป และทางลูกสาวได้เข้าไปในกลุ่มไลน์โควิด-19 ขอความช่วยเหลือได้ข้าวปลาอาหารหารมาประทังชีวิตในยามยาก ต่อไป
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ จันได้สอบถามไปยัง พม.อ่างทอง ว่าได้ดูแลเคสน้องคนนี้หรือไม่ โดยทาง พม.อ่างทอง ได้เปิดเผยว่า กรณีครอบครัวของน้อง พม. ได้รับเรื่องดูแลตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้ช่วยเหลือในกรณีสงเคราะห์เด็กที่มีครอบครัวยากจน โดยจะให้เงินช่วยเหลือ 3,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งต่อไปอาจจะมีการประชุมหารือกับคณะกรรมการว่า จะช่วยเหลือตัวน้องอย่างไรต่อไป เพื่อให้ตัวน้องได้เรียน และมีชีวิตตามสิทธิ์ของเด็กที่ควรจะได้รับต่อไป