หมอแนะ! “ลูกเนียง” กินได้ กินสุก กินแต่พอดี

หมอโพสต์เตือน “กินลูกเนียง” เลี่ยงกินดิบอาจก่อพิษต่อไต ต้องต้มในน้ำเดือดมากกว่า 10 นาที และกินแค่พอดีไม่มากเกินไป ผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมอยู่แล้วเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

ลูกเนียง มีใครรู้จักบ้างคะ? จันเองก็ไม่เคยกิน เลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง และต้องทำกินแบบไหน แต่รู้ไหมคะว่า ลูกเนียง กินเยอะมากก็ไม่ดี ยิ่งกับคนที่มีอาการของโรคไตยิ่งไม่ควรกินหรือถ้าจะกินก็ต้องทำกินให้ถูกวิธีและกินแค่พอประมาณ เพราะล่าสุดมีผู้ป่วยทางภาคเหนือมาหาหมอรักษาอาการปัสสาวะไม่ออก และจากที่หมอซักประวัติก็พบว่าสาเหตุมาจาก “กินลูกเนียงมากเกินไป” โดย พญ.ณัฐกานต์ ชื่นชม อายุรแพทย์ รพ.แม่สอด ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Nuttagarn Chuenchom เตือนประชาชน! ลูกเนียงหรือมะตึ่งยาง กินมากๆ กินแบบผิดวิธี อาจกลายเป็นพิษมีผลเสียต่อไต ซึ่งคุณหมอบอกไว้ว่า ลูกเนียงหรือมะตึ่งยาง (djenkol bean) เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน รสชาติคล้ายกับสะตอ ลูกเหรียง คนจึงนิยมเอามาต้มจิ้มน้ำพริก หรือกินดิบ ซึ่งการกินแบบดิบๆหรือสุกไม่ทั่วมันก่อพิษได้ (Djenkol Bean Poisoning: Djenkolism)

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
โดยคุณหมอได้เล่าถึงเคสผู้ป่วยท่านหนึ่งว่า เป็นผู้ชายไทยอายุเพียง 30 ปี ไม่เคยมีโรคประจำตัวใดๆ แข็งแรงมาก สองวันก่อนกินลูกเนียงดิบปริมาณมาก จิ้มน้ำพริกอย่างเอร็ดอร่อย วันต่อมาเริ่มปวดท้องน้อยหน่วงๆ และปัสสาวะลำบาก เป็นเลือดแดงสด ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาปัสสาวะไม่ออกเลยจึงมา รพ. แพทย์จึงใส่ท่อปัสสาวะให้ พอมีปัสสาวะออกมาให้ตรวจก็พบเป็นตะกอนเหลืองขุ่น และส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์พบผลึกรูปเข็มของกรดอะมิโนที่ชื่อ กรดเจงโคลิก เต็มไปหมด มีเม็ดเลือดแดงปนออกมาจำนวนมาก และจากการตรวจเลือดพบว่ามีภาวะไตวายเฉียบพลัน ค่า creatinine ขึ้นไปถึง 9.2 ในขณะที่คนปกติมีค่าน้อยกว่า 1.0 โดยการรักษาตอนนี้กำลังให้สารชนิดด่าง(ไบคาร์บอเนต) ดริปทางหลอดเลือดดำเพื่อช่วยให้ผลึกเหล่านั้นละลายและไม่อุดตันท่อไต เช้าวันต่อมาปัสสาวะเริ่มออกมากขึ้นและเหลืองปนแดงจาง แต่ทั้งนี้คุณหมอบอกด้วยว่า รอลุ้นว่าคนไข้จะได้ฟอกไตหรือไม่ นอกจากเคสนี้แล้วก็มีเคสอื่นๆ ที่นอนอยู่ในวอร์ดอีก 3 คนด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณหมอก็ได้บอกเพิ่มเติมด้วยค่ะ ว่า การเกิดพิษของลูกเนียงไม่ได้เกิดกับมนุษย์ทุกคน แต่เราไม่ทราบว่าจะเกิดกับใครบ้าง การเกิดไตวายเกิดจากกรดเจงโคลิกที่มีในลูกเนียงดิบ เมื่อปัสสาวะของคนไข้ที่มีสภาพเป็นกรด กรดอะมิโนตัวนี้ไม่สามารถละลายได้จึงทำให้ตกผลึกไประคายเคืองระบบปัสสาวะ ไปบาดทำให้เลือดออก ไปอุดตันแบบเฉียบพลัน ทำให้มีปัสสาวะเป็นเลือดและปัสสาวะไม่ออก ยิ่งกินมากอาการยิ่งรุนแรง โดยอาการจะเกิดภายใน 2-14 ชั่วโมงหลังกินลูกเนียง หากมีอาการต้องรีบมาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาทางการแพทย์ รอช้าอาจจะไตวายหรือเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากคือ เด็กเล็กๆ และผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมอยู่แล้ว สำหรับการป้องกันไม่ให้เกิดอาการ คือ ทำลายกรดเจงโคลิคในลูกเนียงให้ได้มากที่สุดก่อนรับประทานด้วยการต้มลูกเนียงในน้ำร้อนเดือดให้สุกมากกว่า 10 นาที หรือต้มในสารโซเดียมไบคาร์บอเนต หรือผ่าฝานบางๆตากแดดก่อนนำมาต้ม แต่จะสามารถทำลายพิษได้มากน้อยแค่ไหนเราวัดไม่ได้แต่น่าจะมากกว่า 50% ดังนั้นประชาชนที่บริโภคพึงระวังให้มากๆ โดยทำลายพิษให้ได้มากที่สุดก่อนรับประทาน และหลังรับประทานให้ดื่มน้ำมากๆ หากมีอาการผิดปกติดังกล่าวให้มาพบแพทย์ทันทีอย่ารอช้านะคะ
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

สุดท้ายนี้คุณหมอ ได้ขอโทษพ่อค้าแม่ขายด้วยที่ต้องออกมาเตือนประชาชนตรงนี้ เพราะอยากให้ทุกท่านกินลูกเนียงกินอย่างถูกต้องและพอประมาณ จะได้ไม่อร่อยปากแต่ลำบากไตค่ะ