ยุคนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “มือถือ” กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ขายมือถือเหมือนจะขาดใจ มันใช้ได้กับยุคนี้สมัยนี้จริงๆ ประโยชน์ก็มาก โทษก็มี ถ้าเราใช้ในทางที่ผิด
อย่างเช่นคุณแม่ยังสาวคนนี้ คุณแคท ที่ตัดสินใจโพสต์เรื่องราวอุทาหรณ์ของลูกชาย กับการติดมือถือจนทำให้ลูกเป็นโรคตาขี้เกียจ หรือโรค กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง พ่วงมาด้วยโรคสมาธิสั้น เพราะเธอละเลยปล่อยให้ลูกอยู่กับมือถือมากเกินไป
ภาพจากอีจัน
คุณแคทเล่าให้จันฟังว่า เธอเป็นคนทำงาน พอมีลูกก็เลี้ยงดูเหมือนเด็กปกติตามยุคสมัย และเธอก็ซื้อแท็บเล็ตลูกเล่นเหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่พอนานวันไป ลูกเริ่มติดแท็บเล็ตและใช้เวลาอยู่กับจอนานมาก จนเธอเริ่มสังเกตว่าเวลาเรียกลูกแล้วลูกหันมา แต่สายตาลูกกับไม่จดจ้องที่เธอ และลูกก็เริ่มสายตาสั้นขึ้นเรื่อยๆ นานวันพฤติกรรมลูกก็เหมือนเดิมคือติดหน้าจอและเริ่มหัดเล่นเกมออนไลน์มากกว่าเดิม พอลูกอายุ 5 ขวบ คุณแคทเริ่มรู้สึกว่าจะปล่อยไว้ไม่ได้ จึงพาลูกไปปรึกษาหมอที่ รพ.แห่งหนึ่ง ที่เชี่ยวชาญเรื่องสายตา คุณหมอบอกกับเธอว่าลูกชายวัย 5 ขวบ เป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง หรือเรียกว่าตาขี้เกียจ วิธีการรักษาคือการผ่าตัด แต่หมอก็บอกว่าการรักษานี้ไม่ได้ทำให้น้องกลับมามองปกติได้ แต่เป็นการรักษาที่ดีที่สุดภาพจากอีจัน
หัวใจคนเป็นแม่เมื่อรู้ว้าลูกชายวัยเพียง 5 ขวบ ต้องผ่าตัดเธอตัดสินใจหาวิธีการรักษาแบบอื่น คือให้ใส่แว่นตาประคองอาการ แต่เมื่อเมื่อผ่านไปนานวัน อาการลูกยิ่งหนักขึ้น คุณแคทจึงตัดสินใจพาลูกเข้าไปปรึกษาหมออีกครั้ง และตัดสินใจผ่าตัดเพื่อรักษา วินาทีที่ลูกเจ็บคือวินาทีเดียวกับที่แม่เจ็บ แต่บทเรียนนี้ทำให้เธอและลูกชายเรียนรู้กับการใช้มือถือมากขึ้น หลังจากนั้นผ่าตัด คุณแคทบอกกับจันว่า ลูกเธอเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม และที่สำคัญที่สุด คนเป็นพ่อแม่คือสิ่งสำคัญที่สุด เราต้องใจแข็งต่อรองกับเขามากขึ้น เพราะผลเสียไม่ใช่แค่สายตาที่เสีย ตอนนี้น้องสมาธิสั้นต้องกินยารักษา ผลก็เกิดจากการเล่นเกมและมือถือนี่เอง แม้คนเป็นพ่อแม่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่คนเป็นพ่อแม่สามารถเปลี่ยนพฤติกกรมของลูกตั้งแต่ตอนนี้ยังไม่สาย รักลูกอย่าตามใจลูกเกินไป แบ่งเวลา ให้เขาเล่นแค่พอประมาณ อย่าละเลย ให้มือถือเป็นเจ้าชีวิตใคร