3 ก.ค. 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ประชาชนปิดคลุมใบหน้าเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ หลังจากยอดผู้ป่วยโควิด-19 ในท้องถิ่นพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภาพจากอีจัน
เกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ออกคำสั่งฝ่ายบริหารที่กำหนดให้ประชาชนทุกคนปิดคลุมจมูกและปากของตนเอง เมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะของเทศมณฑลที่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 20 รายขึ้นไป โดยมีข้อยกเว้นบางประการ ซึ่งการปิดคลุมใบหน้าในที่สาธารณะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นหนึ่งในวิธีชะลอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนทุกคนปิดคลุมใบหน้าเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ไม่ใช่เพื่อตนเองเท่านั้น แต่เพื่อสุขภาพของครอบครัว มิตรสหาย และชาวเท็กซัสทุกคน นอกจากนี้ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ยังออกประกาศที่มอบอำนาจให้นายกเทศมนตรี และผู้พิพากษาระดับเทศมณฑลแต่ละแห่งสามารถบังคับใช้ข้อจำกัดการรวมตัวเกิน 10 คนในที่กลางแจ้งบางกรณี และตั้งกฎห้ามไม่ให้ประชาชนรวมตัวกันเกิน 10 คน รวมถึงต้องรักษาระยะห่างทางสังคมราว 1.8 เมตร หลังเห็นได้ชัดว่าการรวมตัวกันของคนหมู่มากเป็นปัจจัยที่ทำให้ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น หากชาวเท็กซัสปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่ดีที่สุด และปิดคลุมใบหน้าเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ เราจะสามารถชะลอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และอนุญาตให้ธุรกิจในเท็กซัสเปิดทำการต่อไปได้ ด้าน ซิลเวสเตอร์ เทอร์เนอร์ นายกเทศมนตรีเมืองฮิวสตัน ให้การสนับสนุนคำสั่งของผู้ว่าการรัฐ โดยก่อนหน้านี้สื่อท้องถิ่นรายงานว่าเทอร์เนอร์เขียนจดหมายถึงผู้ว่าการรัฐเท็กซัส เพื่อเรียกร้องให้ออกคำสั่งที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 “ผมให้การสนับสนุนเต็มที่กับคำสั่งฝ่ายบริหารของผู้ว่าการแอบบอตต์ ซึ่งกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะของเทศมณฑลที่พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 20 รายขึ้นไป แม้ผมคิดว่าเราควรดำเนินการเข้มงวดยิ่งกว่านี้” นายกเทศมนตรีเมืองฮิวสตัน กล่าว อย่างไรก็ตาม หน่วยงานสุขภาพและบริการมนุษย์เท็กซัส (HHS) รายงานว่า เท็กซัสมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสม 175,977 ราย เมื่อนับถึงวันพฤหัสบดี (2 ก.ค. 63) เพิ่มขึ้น 7,915 รายจากวันพุธ (1 ก.ค. 63) ส่วนยอดผู้ป่วยเสียชีวิตรวมอยู่ที่ 2,525 ราย