วันนี้ (13 ก.ค. 63) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งพบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย เป็นผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศทั้งหมด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไทม์ไลน์ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย มาจาก คูเวต-อียิปต์-บาห์เรน
จากการรายงานพบว่า 1 ในผู้ติดเชื้อ 3 ราย คือชายสัญชาติอียิปต์ อายุ 43 ปี อาชีพทหาร เดินทางมาจากประเทศอียิปต์มาถึงไทยวันที่ 8 ก.ค.63 เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ระยอง และตรวจหาเชื้อวันที่ 10 ก.ค.63 ไม่มีอาการ
โดยไทม์ไลน์ทหารรายนี้ คือ
– 6 ก.ค.63 เขาเดินทางออกจากสนามบิน กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ไปที่สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์
– 7 ก.ค.63 เดินทางออกจาสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ไป ปากีสถาน
– 8 ก.ค.63 เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.ระยอง
– 9 ก.ค.63 ออกจากโรงแรม จ.ระยอง ไปท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เพื่อบินไปทำภารกิจทหารที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน ซึ่งเป็นการไปกลับวันเดียว แล้วกลับเข้าที่พักโรงแรม จ.ระยอง
– 10 ก.ค.63 หน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU) อ.เมือง จ.ระยอง เข้าคัดกรองอาการของคณะเดินทาง และลูกเรือ เก็บตัวอย่างส่งตรวจ จำนวน 31 ราย
– 11 ก.ค.63 ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่ชัดเจน จึงส่งตรวจอีกครั้ง
– 12 ก.ค.63 ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยืนยัน “พบเชื้อ”
เกี่ยวกับเรื่องนี้โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า ในแนวทางการสอบสวนโรค แม้ว่าทหารรายนี้จะเดินทางเข้ามาในลักษณะกลุ่มลูกเรือ โดยคนกลุ่มนี้สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้และจะมีที่พักให้ ซึ่งเดิมทีจะเป็นโรงแรมระแวกสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ทหารชุดนี้ได้ลงเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภา และเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ทำให้มาตรการคุมเข้มอาจจะต้องทบทวนอีกครั้ง และพบว่า โรงแรมแห่งนี้เป็นพื้นที่สัมผัสกับผู้พบเชื้อโควิด-19 ฉะนั้นในการเข้าไปสอบสวนโรคจะต้องครอบคลุมโรงแรมดังกล่าวทั้งหมด โดยท่านอธิบดีกรมควบคุมโรคได้มีมาตรการคุมเข้มเพื่อให้เป็นการตรวจสอบอย่างดี ถึงแม้ว่าทหารรายนี้จะกลับประเทศไปแล้ว
ทั้งนี้ยังมีอีก 1 ประเด็นเกี่ยวกับทหารรายนี้ เนื่องจากทีมสอบสวนพบว่า ทหารลูกเรือกลุ่มนี้ ได้ออกไปยังสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคจะดำเนินการสอบสวนในทุกพื้นที่ที่ทหารลูกเรือกลุ่มนี้เดินทางไป ซึ่งตอนนี้มีข้อมูลสถานที่บางแห่งที่ทหารลูกเรือกลุ่มนี้เดินทางไป เช่น ห้างสรรพสินค้า
จากข้อมูลดังกล่าว จึงขอเรียนพี่น้องชาว จ.ระยอง ให้ทราบว่าทาง ศบค. หากท่านสงสัยว่าเป็นผู้สุ่มเสี่ยง หรือ มีอาการที่เข้าข่ายสามารถโทรสอบถามได้ที่ เบอร์ 1422
ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ยังมีข้อมูลอีกชุดหนึ่งคือ พบว่ามี ด.ญ.อายุ 9 ปี เดินทางมากับครอบครัวคณะทูต จากภูมิภาคแอฟริกา จากกรณีนี้ต้องย้อนไปเมื่อวันเสาร์ที่ 11 ก.ค. 63 ซึ่งมีรายงานว่ามีผู้เดินทางจากภูมิภาคแอฟริกาจำนวน 12 ราย โดยเป็นนักศึกษาจำนวน 11 ราย และ ด.ญ. 9 ขวบร้านนี้ด้วย โดย ด.ญ. รายนี้มีความสำคัญเนื่องจาก – วันที่ 7 ก.ค. 63 มารดานำครอบครัว รวม ด.ญ.รายนี้ จำนวน 5 คน โดยทำการตรวจเชื้อก่อนเดินทางมายังประเทศไทย ที่ประเทศซูดาน ผลปรากฏว่า “ไม่พบเชื้อ” จึงออกเดินทางมายังประเทศไทย – วันที่ 10 ก.ค. 63 ครอบครัวเดินทางถึงประเทศไทย ซึ่งได้ทำการตรวจคัดกรอง โดยผลคัดกรองไม่มีอาการ โดยได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจจึงพบว่า “พบเชื้อ” แต่เนื่องจากบิดา ของ ด.ญ.รายดังกล่าว นำตัวเข้าไปรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ทำการตรวจซ้ำก็พบเชื้อ โดยครอบครัวได้นำสมาชิกที่เหลือไป พำนักที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ใน กทม. – วันที่ 11 ก.ค. 63 แพทย์ตรวจพบว่า ด.ญ.รายนี้มีอาการปอดอักเสพจึงส่งต่อไปรักษาอาการที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง โดยประเด็นที่สังเกตเกี่ยวกับผู้ป่วยรายนี้ คือ รายนี้อยู่ในกลุ่ม (3) คือ บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องการรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานในไทย โดยการเข้ามาก็ได้อนุญาตให้อยู่ในพื้นที่สถานทูตของประเทศนั้น ๆ ซึ่งคณะทูตที่เดินทางเข้ามาจะต้องกักตัวอยู่พื้นที่นั้น 14 วัน แต่เนื่องจากครอบครัวคณะทูตนี้ ได้พักอยู่ที่คอนโดซึ่งทาง ศบค. ต้องทำการหารือเกี่ยวกับมาตรการกำหนด และครอบคลุมให้มากกว่านี้ จากนี้ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค จะเข้าไปสอบสวนโรคในพื้นที่คอนโดแห่งนี้ต่อไป
ภาพจากอีจัน