กลายเป็นดราม่าร้อนระอุ หลังจากที่ ศบค. รายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ในวันนี้ 13 ก.ค. 2563 ในผู้ติดเชื้อ 3 ราย คือชายสัญชาติอียิปต์ อายุ 43 ปี อาชีพทหาร เดินทางมาจากประเทศอียิปต์มาถึงไทยวันที่ 8 ก.ค.63 เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ระยอง และตรวจหาเชื้อวันที่ 10 ก.ค.63 ไม่มีอาการ
โดยไทม์ไลน์ทหารรายนี้ มีการเข้าพักที่โรงแรม และเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง จนกระทั่งตรวจพบเชื้อ และกลุ่มคนใกล้ชิดทหารที่พบเชื้อ ยังมีประวัติการเดินทางไปห้างสรรพสินค้า จ.ระยองอีกด้วย
รวมถึงเด็กหญิงวัย 9 ปี เดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกา เมื่อวันที่ 7 ก.ค.63 พร้อมกับครอบครัวคณะทูต ที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 และครอบครัวและเข้าพักที่โรงแรมในกรุงเทพฯ ทำให้ตอนนี้หลายพื้นที่ใน จ.ระยอง-กรุงเทพฯ กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงและมีการตรวจสอบและแก้ปัญหากันยกใหญ่ คนในพื้นที่ก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเพราะหวาดระแวงเรื่องการแพร่ระบาด
บางก็ชี้ว่าการที่ทาง จนท.ที่รับผิดชอบไม่เข้มมาตรการกับพนักงานราชการของต่างประเทศที่เข้ามาเพราะแบ่งแยกการดูแล และนำมาเปรียบเทียบกับคนไทยว่า ทำไมถึงต้องแบ่งแยกการปฏิบัติทั้งที่เป็นความปลอดภัยของคนในประเทศเหมือนกัน
เช่นเดียวกับเฟซบุ๊กผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงกฎหมายและการเมืองหลายคน ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ว่า หากการละเลยการกักตัว เป็นชนวนเหตุทำให้เกิดการระบาดของโควิด-19 รอบ 2 อีก ประเทศไทยจะรับมือได้หรือไม่
และยังล้วงลึกไปถึงการเดินทางของคนกลุ่มเสี่ยง ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนได้มีแค่โรงแรมกับจุดหมายแน่นอน สถานที่ระหว่างทางก็คือสถานที่เสี่ยงไม่แพ้กัน แล้วระหว่างทางที่กลุ่มเสี่ยงแวะมีอีกมายมายหลายที่ และไม่มีใครรู้เลยว่าใครสัมผัสพื้นที่เสี่ยงเหล่านั้นมาก