จะเลิกก็เลิกไม่ได้ ! ผัวซ้อมเมียท้อง 6 เดือน แถมขู่ฆ่า “ถ้าแทงมึงตาย กูต้องติดคุกกี่ปี”

ปวีณาฯ พาสาวท้อง 6 เดือน ตามคดีถูกสามีซ้อมปางตาย ล่าสุด ตำรวจเรียกตัวแท็กซี่ที่ร่วมมือฝ่ายชายเข้าสอบปากคำแล้ว

วันนี้ (16 ก.ค.63) คุณปวีณา หงสกุล เเละทีมงานมูลนิธิปวีณาฯ พาน้องเค (นามสมมติ) สาววัย 27 ท้อง 6 เดือน ถูกสามีทำร้ายร่างกาย เข้าติดตามความคืบหน้าคดีที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยพ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง ผกก.สภ.บางใหญ่ เป็นผู้รับเรื่องด้วยตนเอง

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

น้องเค เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์สะเทือนใจนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่น้องเค คบกับชายคนหนึ่งได้ประมาณ 1 ปี
ช่วงเเรกที่คบกัน
*เขาเป็นคนใจเย็น
*ไม่เคยทำร้ายร่างกาย
นิสัยเหล่านี้ ทำให้เธอไว้ใจเเละเชื่อใจ จนตัดสินใจย้ายไปด้วยกัน เพื่อสร้างครอบครัว

แต่…ไม่ทันสร้างครอบครัวถึงฝั่งฝัน
นิสัยจริง ก็ออก ชายที่รัก เปลี่ยนไปเป็นหลังมือ
มีเหตุทะเลาะกัน แฟนหนุ่มก็ทำร้ายร่างกายทุกครั้ง ทำร้ายตลอด เธอต้องทนอยู่ด้วยความชอกช้ำใจ
เวลาโมโหก็ไม่มีอะไรฉุดเขาอยู่ เเละชอบพูดจาข่มขู่ ว่ารู้จักกับตำรวจหลายนาย คดีทำร้ายร่างกายอย่างมากก็เเค่เสียค่าปรับ

เหตุการณ์เริ่มรุนเเรงขึ้นเรื่อยๆ เธอเล่าให้อีจันฟังว่า วันที่ 31 ธ.ค.62 คือครั้งที่เขาทำร้ายเธอหนักที่สุด จนทำให้เธอต้องนอนโรงพยาบาลเกือบ 2 สัปดาห์ ด้วยอาการซี่โครงร้าว ม้ามเเตก ตับฉีก

แต่เธอ…ไม่กล้าเเจ้งความ

จนกระทั่ง เธอ ตั้งครรภ์…
ผัว ที่อยู่ในฐานะพ่อ ของลูกในท้อง ก็ยังไม่ปราณีเธอ

6 ก.ค.63 เธอตัดสินใจ เลิกกับเขา ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดี
จนเวลาประมาณ 3 ทุ่ม เธอเลิกงาน ให้น้องร่วมงานลงไปดูว่าเขามาดักรอหรือไม่ แต่ก็ไม่เจอ
ประจวบเหมาะมีแท็กซี่ 1 คันจอดหน้าบริษัทเธอพอดี จึงรีบขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน

ระหว่าง เริ่มผิดสักเกต แท็กซี่พาเธอเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง
ลางสังหรณ์เริ่มทำงานหนัก
เธอถามคนขับว่าทำไมถึงมาทางนี้ เขาตอบเธอว่า "แฟนหนูรออยู่"
หัวใจเธอร่วงไปถึงตาตุ่ม
รถแท็กซี่จอดต่อท้ายรถของฝ่ายชาย เธอขอร้องให้แท็กซี่อย่าปลดล็อกประตู "หนูอาจตายได้นะลุง" คำขอร้องไร้ประโยชน์ แท็กซี่ปลดล็อกประตูให้ฝ่ายชายเข้ามากระชากตัวเธอลงจากรถ ก่อนจะจ่ายเงินให้แท็กซี่ 400 บาท แล้วพาเธอขึ้นรถของเขา ก่อนจะซ้อมเธออย่างหนัก
วันนั้นเธอถูก ตบตี ทำร้าย กดหัว แล้วพูดข่มขู่ว่า "ถ้าแทงมึงตาย กูต้องติดคุกกี่ปี" ก่อนจะบังคับให้เธอพาเขาไปที่บ้านของน้องชายและแม่
เขาถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อจะได้ตามตัวเธอถูก ก่อนจะพาเธอกลับมาที่ห้องเช่าที่เคยอยู่ร่วมกัน
จนเช้าวันที่ 7 ก.ค.63 เขาพาเธอมาส่งที่ออฟฟิศ เพื่อนร่วมงานที่รู้เรื่องของเธอยู่แล้ว เห็นร่องรอยตามร่างกาย จึงรีบพาเธอเข้าร้องที่มูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ ในวันเดียวกัน

ภาพจากอีจัน

หลัง มูลนิธิปวีณาฯ รับเรื่อง ก็รีบประสานไปที่ สภ.บางใหญ่ และพาน้องเค ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
ตอนนี้ น้องเค จะอยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ จนถึงวันที่คลอด
แต่ที่เป็นห่วงมากสุด คือสภาพจิตใจและสภาพร่างกาย เพราะน้องเคตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนแล้ว แต่ยังถูกทำร้ายเรื่อยมา และมีกำหนดคลอดในเดือนตุลาคม
ซึ่งอันที่จริงเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.63) มีนัดตรวจครรภ์ แต่เธอไม่กล้าไปที่โรงพยาบาล เพราะกลัวฝ่ายชายจะมาดักทำร้ายเธออีก
โดยหลังจากนี้ จะต้องมีการตรวจร่างกายและตรวจครรภ์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยของแม่และลูกในท้อง
โชคดีที่ น้องเค ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับฝ่ายชาย ทำให้เธอมีสิทธิ์ในตัวของลูกเต็มที่ เพราะเธอไม่ได้มีปัญหาในการเลี้ยงลูกเพียงลำพัง

คุณปวีณา ยังฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ เป็นตัวอย่าง ว่าถ้าหากผู้หญิงขอความช่วยเหลือ ต้องช่วยผู้หญิงก่อน
อย่าไปนึกว่าสามีภรรยาทะเลาะกัน แล้วจะช่วยให้เขาคืนดีกัน
อย่างนั้นไม่ได้
เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะโดนอะไรมาบ้าง ฉะนั้น แท็กซี่นั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะทุกคนต้องนั่งแท็กซี่กันทั้งนั้น อยากให้สังคมตระหนักในจุดนี้

ภาพจากอีจัน

ด้านความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง ผกก.สภ.บางใหญ่ กล่าวว่า ตอนนี้มีการเรียกสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องครบแล้ว รวมทั้งตัวผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุ
ได้เรียกตัวผู้ก่อเหตุเข้าสอบปากคำและแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกาย ไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รอผลตรวจร่างกายของ น้องเค รวมถึงถ้าหากพบความผิดอะไรเพิ่มเติม ก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งฟ้องศาลต่อไป
ส่วนตัวคนขับแท็กซี่คันดังกล่าว ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน หากมีความเกี่ยวข้อง ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน และในวันนี้มีการสอบปากคำ น้องเค เพิ่มเติมอีกครั้ง
พ.ต.อ.สุรพจน์ ยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและรวดเร็ว เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน