สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ สัญญา ราคาหมูหน้าฟาร์มจะไม่เกิน 80 บาท แม้ต้นทุนสูง

เกษตรกร ตรึงราคาหมูหน้าฟาร์มไม่เกิน 80 บาทต่อกก. แม้ต้นทุนจะสูง ย้ำ ดูแลผู้บริโภคตามที่สัญญากับพาณิชย์

หลังเมื่อวาน (17 ก.ค.63) ทีมข่าวอีจันลงพื้นที่ไปสำรวจเขียงหมูในตลาดสดอำเภอท่าตูม จ.สุรินทร์ เพื่อหาสาเหตุเนื้อหมูราคาสูงในรอบ 10 ปี จนผู้บริโภคเริ่มโอด แถมยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสูงอีก เพราะแม่ค้าเขียงหมูต้องปรับราคาขึ้นสูงตามตาม หมูเป็นหน้าฟาร์มที่ปรับขึ้นราคาเป็น 85 บาท ต่อกิโลกรัม บางพื้นที่พุ่งสูงถึง 87 บาท ต่อกิโลกรัม

อ่านข่าวเก่า
เนื้อหมูมีแนวโน้มปรับขึ้นราคาสูงอีก

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ล่าสุด นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ เผยว่า ราคาหมูหน้าฟาร์มของเกษตรกรทั่วประเทศยังคงอยู่ที่ 78-79 บาทต่อกิโลกรัม โดยเกษตรกรภาคเหนือยืนยันให้ความร่วมมือรักษาระดับราคาสุกรขุนไม่ให้เกิน 80 บาทต่อกิโลกรัม ตามที่ให้สัญญากับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ไว้ว่าจะร่วมกันดูแลพี่น้องประชาชนไม่ให้มีปัญหาขาดแคลนสุกร และไม่ให้ราคาสูงจนกระทบค่าครองชีพประชาชน
โดยระดับราคาดังกล่าวถือว่าเกษตรกรพอมีรายได้กลับมาต่อทุนเพื่อเลี้ยงสุกรในรุ่นถัดไปเท่านั้น ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสุกรยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวขึ้น ตามความต้องการ ที่สำคัญเกษตรกรทั้งประเทศยังต้องต่อสู้กับ โรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ หรือ ASF ในสุกร ทำให้มีต้นทุนการป้องกันและเฝ้าระวังโรคเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการบริโภคของประชาชนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะห้างร้านต่างๆที่กลับมาเปิดกิจการ โรงเรียนเปิดเทอม ขณะที่ปริมาณผลผลิตหมูขุนออกสู่ตลาดน้อยลง หมูเป็นๆมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ เน้นย้ำให้กลุ่มผู้เลี้ยงรักษาระดับราคาภายในประเทศเพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน แม้ว่าเกษตรกรจะมีต้นทุนการเลี้ยงหมูสูงถึง 71 บาทแล้วก็ตาม แต่ทุกคนก็พร้อมตรึงราคาหมูหน้าฟาร์มไว้ที่ไม่เกิน 80 บาทต่อกิโลกรัม และพร้อมให้ความร่วมมือกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ในการจัดกิจกรรมจำหน่ายหมูลดค่าครองชีพประชาชนทั่วไทยสู้ภัยโควิด เพื่อส่งตรงหมูสดจากฟาร์มถึงมือผู้บริโภค โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง พร้อมกันทุกภูมิภาค วันที่ 7 สิงหาคม 2563

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

“หมูไทยราคาไม่ได้สูงไปกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศที่ต้องรับมือกับโรค ASF ที่ระบาดอย่างหนักอย่างจีน เวียดนาม เมียนมา ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จากการขาดแคลนหมูอย่างหนัก เพราะภาวะโรค ช่วงนี้ที่ราคาหมูขยับขึ้นตามกลไกตลาด ขอให้ประชาชนเข้าใจและเห็นใจเกษตรกรที่ต้องเผชิญปัญหาราคาหมูตกต่ำจากผลผลิตล้นตลาดนานกว่า 3 ปี หากเห็นว่าหมูราคาสูงทุกท่านยังมีทางเลือกรับประทานโปรตีนอื่นๆทดแทนได้ ทั้งปลา ไข่ ไก่ แต่พวกเรามีอาชีพเลี้ยงหมูอาชีพเดียวเท่านั้น ขอให้กลไกตลาดได้ทำงาน หากถูกควบคุมมากจนเกินไปเกษตรกรอาจไม่สามารถไปต่อในอาชีพนี้ได้” นายสุนทราภรณ์ กล่าว