ปฏิบัติการสามหลี่ยมทองคำ 1511 ยึดยาบ้า 303 ล้านเม็ด ใน 7 เดือน!

ป.ป.ส. เผยปฏิบัติการสามหลี่ยมทองคำ 1511 !! 7 เดือน ยึดยาบ้า 303 ล้านเม็ด ไอซ์ 13 ตัน เฮโรอีน 1.5 ตัน

วันที่ 19 กรกฎาคม 2563 นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า แผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ที่มี 6 ประเทศสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วย จีน เมียนมา สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา และไทย ที่ได้เปิดปฏิบัติการ ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2562 ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีความคืบหน้าอย่างมาก โดยทุกประเทศสมาชิกได้เปิดปฏิบัติการในพื้นที่ของตนเอง รวมทั้งสิ้น 7,093 ครั้ง จับผู้ต้องหา 8,851 คน ยึดยาบ้า 303 ล้านเม็ด ไอซ์ 13 ตัน เฮโรอีน 1.5 ตัน สารตั้งต้น 15.5 ตัน กาเฟอีน 9.9 ตัน และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ 974 ตัน

ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ ภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าว ทุกประเทศสมาชิกได้ให้ความสำคัญ มีการประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะด้านข้อมูลข่าวสารที่มีการแลกเปลี่ยนกันตลอดเวลา ทั้งที่ผ่านศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และอัครราชทูตที่ปรึกษาที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ส่งไปประจำอยู่ทั้ง 5 ประเทศ
ภาพจากอีจัน
ซึ่งผลการปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 นอกจากจะลดทอนกำลังการผลิตยาเสพติดด้วยการยึดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ปริมาณมาก ที่หากนำไปผลิตยาบ้าจะได้ถึง 12,375 ล้านเม็ด หรือผลิตไอซ์ได้ 262 ตัน หรือผลิตเฮโรอีนได้ถึง 198 ตัน ยังหยุดยั้งยาเสพติดจำนวนมากไม่ให้เข้าสู่แหล่งแพร่ระบาดและส่งถึงมือผู้เสพในประเทศต่าง ๆ เท่ากับไทยและประเทศสมาชิกมีส่วนในการลิดรอนยาเสพติดปริมาณมหาศาล ไม่ให้ถูกผลิตขึ้นและส่งออกมาจากแหล่งผลิตในสามเหลี่ยมทองคำ
ภาพจากอีจัน
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ที่เป็นกลุ่มการผลิตไม่ได้มีทีท่าว่าจะลดการผลิตลง โดยยังคงลักลอบตั้งแหล่งผลิตทำการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยใช้พื้นที่ของชนกลุ่มน้อยติดอาวุธในเมียนมา และใช้วิธีการเคลื่อนย้ายหลบหลีกจากการถูกค้นหาและทำลาย เพราะยังคงมีการลักลอบลำเลียงสารตั้งต้น เคมีภัณฑ์เข้าสู่แหล่งผลิตได้ อีกทั้งยังต้องการผลิตยาเสพติดจำนวนมากป้อนตลาดให้ผู้ต้องการใช้เข้าถึงง่าย และความต้องการของตลาดยาเสพติดในระดับผู้เสพยังมีสูง
ภาพจากอีจัน
สิ่งที่สะท้อนสถานการณ์ดังกล่าวคือ หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เพียง 2 เดือน พบว่าทั้งในเมียนมาและไทยมีการจับยึดยาเสพติดได้ปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง จากการรวบรวมข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส. พบว่า ในห้วงมิถุนายน – กรกฎาคม 2563 มีการจับยึดไอซ์ที่มีน้ำหนัก 100 กก. ขึ้นไปต่อครั้ง 9 ครั้ง รวมไอซ์ 5.07 ตัน ขณะเดียวกันมีการจับยึดยาบ้าที่มีจำนวน 1 ล้านเม็ดขึ้นไปต่อครั้ง รวม 9 ครั้งเช่นกัน รวมยาบ้า 30.1 ล้านเม็ด ดังนั้นจึงต้องมีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานที่มุ่งในด้านการสกัดกั้นสารตั้งต้น/เคมีภัณฑ์ และยาเสพติดตามแนวชายแดนมากขึ้น และรณรงค์ป้องกัน สร้างการรับรู้และความเข้าใจ เพื่อลดความต้องการยาเสพติดไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่
ภาพจากอีจัน
“แม้รัฐบาลได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเต็มที่ ทั้งการดำเนินงานภายในและนอกประเทศ รวมถึงทุกหน่วยงานได้ทุ่มเททรัพยากรเพื่อดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเต็มความสามารถ โดยดำเนินการทั้งมาตรการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด และการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด แต่หากไม่สามารถติดตามผู้ผ่านกระบวนการบำบัดรักษาไม่ให้กลับไปเสพซ้ำ และไม่สามารถควบคุมหรือลดจำนวนผู้เสพยาเสพติดรายใหม่ได้ ความต้องการยาเสพติดก็ยังคงอยู่ ซึ่งเท่ากับทำให้ยังคงมีตลาดที่ขบวนการค้ายาเสพติดจะผลิตยาเสพติดออกมาจำหน่าย ปัญหายาเสพติดก็ไม่มีทางลดทอนลงได้
ภาพจากอีจัน
ดังนั้นมาตรการที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก/เยาวชน และรณรงค์ให้ประชาชนไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ไม่สามารถปล่อยให้รัฐดำเนินการโดยลำพังได้ ปัญหายาเสพติดไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง และเมื่อเกิดขึ้น ไม่เพียงส่งผลเสียเฉพาะกับบุคคล แต่ส่งผลกระทบถึงครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ” นายนิยม กล่าวในตอนท้าย