พ่อแม่ ไม่เชื่อ น้องชมพู่ถูกตีด้วยก้านมะยม-ถูกทรมานให้ตาย

ครอบครัวน้องชมพู่ ไม่เชื่อเด็กถูกตี-ทรมานจนตาย ไหว้พระขอพร ยกหินเสี่ยงทาย ขอให้จับคนทำร้าย

21 ก.ค. 63 ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ จนถึงตอนนี้ 71 วันแล้ว ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า ใครทำน้องชมพู่ หรือน้องไปเสียชีวิตเอง ซึ่งตำรวจก็ยังคงทำงานต่อเนื่อง โดยคดีน้องชมพู่นั้นต้องยอมรับว่ามีประเด็นกันอย่างต่อเนื่องทุกวัน

ภาพจากอีจัน
ซึ่งเมื่อวานนี้ (20 ก.ค. 63) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมเหยื่ออาชญกรรม ได้ออกมาระบุว่า น้องชมพู่เสียชีวิตแบบถูกทรมานและถูกตีด้วยก้านมะยม จากบาดแผลที่พบบริเวณก้นของน้องมีรอยคล้ายถูกตี เรื่องนี้ นางสมพร หรือป้าแต๋น ภรรยาลุงพล ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ใครจะมาตีน้องด้วยก้านมะยมจนตาย หากจะตีให้ตายตีด้วยไม้หน้าสามหรืออย่างอื่น ซึ่งคนที่ออกมาพูดนั้นไม่ได้มาพื้นที่ ดูแค่ภาพ หรืออาจจะมีความรู้เรื่องนี้ โดยส่วนตัวตน เชื่อหมอ เชื่อตำรวจ และที่ผ่านมาไม่มีใครตีน้องชมพู่แบบรุนแรง แค่ดุน้องก็กลัวแล้ว ส่วนกรณีหมาเห่าในคืนวันที่ 12 พ.ค. 63 แล้วมีข่าวว่าตนไปถามเพื่อนบ้านว่าสงสัยมีคนเอาหลานมาคืนนั้น ไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าได้ยินเสียงหมาเห่า แต่มองดูจากในบ้านแต่ไม่เห็นใคร จึงสงสัยว่าเป็นชาวบ้านพูดคุยกันในหมู่บ้าน
ภาพจากอีจัน
ด้าน นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ระบุว่า เรื่องการตีด้วยก้านมะยม เป็นไปไม้ได้ แต่ก็เป็นสิทธิ์ของคนวิเคราะห์ได้ ซึ่งตอนนี้ ตนก็ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งอยากถามตำรวจว่า จนป่านนี้หมดข้อสงสัยตนหรือยัง ส่วนกรณีเรื่องกระต๊อบในป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ใกล้บ้านตนเพียง 100 เมตร และพบกล่องนมเปรี้ยวตกอยู่ ซึ่งสงสัยว่าจุดนี้อาจจะเป็นจุดพักร่างของน้องชมพู่หรือไม่ ตนยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ กระต๊อบนี้มีเจ้าของและเขาก็มากรีดยางอยู่ประจำ ส่วน เรื่องหมาเห่าแถวกระท่อมนั้นตนคิดว่าเป็นชาวบ้านที่ออกตามหาน้องชมพู่มากกว่า เพราะตอนนั้นทุกคนออกตามหาทั้งกลางวันและกลางคืน หรืออาจจะเป็นลูกชายของบ้านใกล้ๆ กัน
ภาพจากอีจัน
รวมทั้งกรณีเส้นทางขึ้นภูเหล็กไฟทางลานโคกเพียนบ้านกกตูม ห่างจากบ้านกกกอกเพียง 1 กิโลเมตร ลุงพล บอกว่าไม่น่าจะไปทางนี้ แม้จะเป็นทางที่เดินขึ้นง่าย แต่ต้องออกจากหมู่บ้านก่อน ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตย้อนกลับไปดูเหตุการณ์วันพบศพน้องชมพู่ ลุงพลเห็นศพแล้ว พูดว่า สงสัยน้องขาดอาหาร ทั้งที่เห็นศพน้องนอนเปลือยนั้น ลุงพล บอกว่า ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะตนเห็นอะไรก็คิดแบบนั้นไม่ได้ย้อนกลับมาดูว่าพูดอะไร ตนเป็นคนโผงผาง คิดอะไรพูดเลย วันที่น้องหายช่วงนั้นอากาศร้อนมาก ในหัวคิดตลอด น้องทำไมถึงเสียชีวิต ไปไหน อยู่กับใคร ไปเจอสภาพนั้น ทำให้คิดขึ้นมา พูดตามความรู้สึก ว่าน้องคงอดอาหาร และอากาศร้อน ตามสัญชาตญาณ คิดว่าน้องอาจจะร้อน คงถอดเสื้อผ้า แต่น้องยังถอดเสื้อเองไม่ได้ แต่วันนั้นน้องใส่เสื้อกล้ามก็อาจจะถอดได้ง่าย อาจจะถอดเองได้ ด้านนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า ประเด็นการเสียชีวิตถูกตีด้วยก้านมะยมนั้น ตนไม่เคยรู้มาก่อน รอฟังผลจากหมอ และตำรวจเท่านั้น แต่ส่วนตัวไม่เคยตีลูกด้วยก้านมะยม หากลูกดื้อจะดุ หรือบางทีตีที่น่องเบาๆ ไม่เคยตีรุนแรง
ภาพจากอีจัน
ส่วนกรณีที่ลุงพลระบุวันพบศพ ว่า เห็นสภาพศพน้องเปลือยแล้วพูดว่าน้องคงอดอาหารตาย ตนก็ไม่รู้ แต่ เมื่อรู้ว่าศพลูกเปลือยครั้งแรกที่คิดคือคนร้ายอาจทำอนาจารหรือข่มขืนน้องเพราะศพเปลือย ไม่ได้คิดว่าจะอดอาหาร แล้วลุงพลรู้ได้อย่างไรว่าน้องอดอาหาร แม่ยังโล่งใจเมื่อรู้ว่าผลตรวจออกมาน้องไม่โดนข่มขืน อย่างไรก็ดี ช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ พ่อและแม่น้องชมพู่ ก็ทำบุญไหว้พระที่วัดพระธาตุภูเพ็ก จ.สกลนคร โดยมีการยกหินเสี่ยงทาย ซึ่งผลปรากฏว่า พ่อของน้องชมพู่ขอพรว่า ให้จับคนร้ายในคดีนี้ได้ ก็ยกหินขึ้น ส่วนแม่ของน้องชมพู่ก็ยกขึ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล